คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1389/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายโดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไกปืน หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย จำเลยก็อาจยิงได้ทันทีโดยที่ไม่มีผู้ใดอาจห้ามได้ทัน เมื่อมีผู้เข้าไปจับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้ปากกระบอกปืนเบนขึ้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยดิ้นรนขัดขืนที่จะยิงผู้เสียหาย สาเหตุโกรธเคืองที่โจทก์นำสืบก็ไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรงถึงจะต้องฆ่ากัน การที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้น อาจเป็นการกระทำเพื่อขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันก็ได้ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุก ๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายโดยที่นิ้วมือของจำเลยอยู่ในโกร่งไกปืนแล้ว เช่นนี้ หากจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายจริง จำเลยก็อาจยิงได้ทันทีโดยที่ไม่มีผู้ใดอาจห้ามได้ทัน นอกจากนี้ ขณะที่พี่เขยและพี่สาวเข้ามาห้ามจำเลยโดยพี่เขยได้ จับมือจำเลยข้างที่ถือปืนให้ปากกระบอกปืนเบนขึ้นนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยดิ้นรนขัดขืนที่จะยิงผู้เสียหายแต่อย่างใด ส่วนที่โจทก์นำสืบถึงสาเหตที่เกิดเป็นคดีนี้ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุร้ายแรงถึงจะต้องฆ่ากัน หากจำเลยคิดจะฆ่าก็คงไม่ฆ่าในเวลากลางวันที่มีคนอยู่จำนวนมากเช่นนั้น พยานหลักฐานที่ที่โจทก์นำสืบยังไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การที่จำเลยจ้องปืนไปยังผู้เสียหายนั้น อาจเป็นการกระทำเพื่อขู่ผู้เสียหายซึ่งเคยมีเรื่องโกรธเคืองกันข้อเท็จจริงไม่อาจฟังได้ว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
พิพากษายืน

Share