แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญา ผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ครั้นถึงวันนัด ทนายโจทก์มา แต่ตัวโจทก์ไม่มาและโจทก์ไม่ได้ร้องขอเลื่อนคดี ศาลได้พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว อัยยการจะนำคดีมาฟ้องใหม่หาได้ไม่ เพราะในคดีก่อนศาลยกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ซึ่งมีผลเช่นเดียวกับการพิพากษายกฟ้อง โดยโจทก์พิสูจน์ความผิดของจำเลยไม่ได้สมฟ้อง เป็นการพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธิฟ้องร้องได้ระงับสิ้นไปตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 39 (4)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๕๖ จำเลยต่อสู้ว่าทำโดยป้องกันตัวและตัดฟ้องว่า กรณีเดียวกันนี้นายเติมผู้เสียหายได้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว อัยยการจะนำมาฟ้องใหม่ไม่ได้ และยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายเบื้องต้น ศาลชั้นต้นเห็นว่าศาลยกฟ้องในคดีก่อน โดยนายเติมขาดนัด อัยยการมีสิทธิฟ้องให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ในคดีที่นายเติมผู้เสียหายฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา ๆ สั่งไต่สวนมูลฟ้อง วันนัดไต่สวนทนายโจทก์มาศาล แต่ตัวโจทก์ไม่มา ทนายจำเลยขอให้ศาลยกฟ้อง ศาลอาญาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ได้เลื่อนการไต่สวนมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ศาลได้คอยอยู่จนถึงเวลา ๑๐.๔๕ นาฬิกา โจทก์ไม่มาศาลตามนัด และพะยานโจทก์ก็เป็นพะยานนำ ถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพะยานมาสืบ ทั้งไม่ได้ขอเลื่อนคดี จึงพร้อมกันพิพากษายกฟ้องโจทก์” ดังนี้ มีผลเช่นเดียวกับการพิพากษายกฟ้อง โดยโจทก์พิศูจน์ความผิดของจำเลยไม่ได้สมฟ้อง เป็นการพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว อัยยการจะยกเอากรณีเดียวกันนี้ขึ้นมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้ เพราะสิทธิการฟ้องคดีระงับไปสิ้นแล้ว ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๓๙ (๔)
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง