คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยในคดีอาญาได้ยื่นคำร้องให้ถ้อยคำไม่ขออุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วกลับยื่นอุทธรณ์ในภายหลังก็ดี ก็หามีกฎหมายใดที่ตัดสิทธิห้ามอุทธรณ์ ศาลจึงรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ตามกฎหมาย
จำเลยในคดีอาญา ยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ เมื่อศาลชั้นต้นได้พิจารณาเห็นมีเหตุผลสมควรที่จะยืดอายุความอุทธรณ์ให้และสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ ก็ย่อมเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันชิงทรัพย์ ขอให้ลงโทษ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ ๒ หลบหนี้ ศาลสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๒ แล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ผิดฐานชิงทรัพย์ ตามมาตรา ๒๙๙ จำเลยที่ ๓ ผิดฐานสมรู้
จำเลยที่ ๑ – ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเฉพาะอุทธรณ์ของนางเผือกแล้วพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ส่วนอุทธรณ์นายประสิทธิ จำเลยที่ ๑ ให้ยกอุทธรณ์เสีย
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษนางเผือก
นายประสิทธิจำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีเฉพาะตัวนายประสิทธิจำเลยนั้น แม้นายประสิทธิจำเลยยื่นคำร้องให้ถ้อยคำไม่ขออุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ดี แต่ก็ห้ามมีกฎหมายใดที่ตัดสิทธิห้ามมิให้อุทธรณ์ต่อไปได้ไม่ ศาลชั้นต้นก็ได้พิจารณาเห็นมีเหตุสมควรที่จะยืดอายุความอุทธรณ์และสั่งรับอุทธรณ์ของนายประสิทธิส่งขึ้นแล้ว ซึ่งในชั้นนี้ไม่มีฝ่ายใดโต้แย้งเกี่ยวกับข้อนี้แต่ประการใด
แต่คดีนี้ ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยข้ออุทธรณ์ของนายประสิทธิจำเลย จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษานั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีสำหรับนายประสิทธิจำเลยประการใดแล้ว ศาลฎีกาจึงจะพิจารณาพิพากษาต่อไป

Share