แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างบังคับให้ลูกจ้างรวมถึงโจทก์ทั้งสองต้องเป็นสมาชิกกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย โดยสมาชิกส่งเงินสมทบอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือนสมาชิก และจำเลยส่งเงินสมทบอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิก ต่อมาจำเลยจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว พนักงานส่วนใหญ่ของจำเลยโอนมาเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว แต่โจทก์ทั้งสองไม่โอนไป เมื่อจำเลยไม่ได้บอกเลิกการส่งเงินสมทบตามกฎข้อบังคับของกองทุน กองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเชียจึงคงดำเนินการอยู่ มิได้ยุบกองทุนไป จำเลยต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของกองทุนซึ่งรวมถึงการส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิก ต่อไป การที่จำเลยเปลี่ยนแปลงอัตราการส่งเงินสมทบจากอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิก เป็นอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือนสมาชิก อันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างซึ่งไม่เป็นคุณแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยจึงต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งสองก่อน เมื่อไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งสอง จำเลยจึงเปลี่ยนแปลงการส่งเงินสมทบลดลงเป็นอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือนสมาชิก ไม่ได้
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลแรงงานกลางสั่งให้รวมพิจารณาเป็นคดีเดียวกัน โดยเรียกโจทก์เรียงตามลำดับสำนวนว่า โจทก์ที่ 1 และที่ 2 และเรียกจำเลยทั้งสองสำนวนว่า จำเลย
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิม โดยส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนโจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสองสำนวนให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและปรากฏข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ได้โต้แย้งกันว่า โจทก์ที่ 1 เข้าทำงานกับจำเลยตั้งแต่ พ.ศ.2516 ตำแหน่งปัจจุบันเป็นหัวหน้าช่างเขียน อัตราเงินเดือน 35,941 บาท โจทก์ที่ 2 เข้าทำงานกับจำเลยตั้งแต่ พ.ศ.2520 ปัจจุบันเป็นหัวหน้าฝ่ายโสตทัศนศึกษา อัตราเงินเดือน 35,940 บาท จำเลยกำหนดจ่ายค่าจ้างเดือนละครั้งก่อนวันสิ้นเดือนสองวันทุกเดือน จำเลยมีข้อบังคับสำหรับพนักงานประจำภายในประเทศไทยซึ่งเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่จำเลยทำกับสหภาพแรงงานสถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2524 ข้อตกลงข้อ 17 เกี่ยวกับกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียได้กำหนดให้พนักงานที่ทำงานครบ 1 ปี ต้องเป็นสมาชิกกองทุน โดยจำเลยจะหักเงินเดือนอัตราร้อยละ 5 และจำเลยจะสมทบให้อัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิก นำส่งเข้ากองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียเพื่อประโยชน์แก่พนักงานนั้น ๆ รายละเอียดต่างๆ ได้แจ้งไว้แล้วในกฎข้อบังคับของกองทุนนี้ ทุกครั้งที่จำเลยจ่ายเงินเดือนแก่พนักงานจะหักไว้อัตราร้อยละ 5 และจำเลยสมทบอีกอัตราร้อยละ 10 แล้วส่งเข้ากองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียเรื่อยมา ครั้น พ.ศ.2546 จำเลยมีนโยบายจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งจดทะเบียนแล้วขึ้นแทนกองทุนประกันและออมทรัพย์เดิม เพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างเช่นได้รับยกเว้นเรื่องภาษี การตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพตามพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ.2530 นี้ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะมนตรีของจำเลยและคณะกรรมการกองทุนประกันและออมทรัพย์เดิม ทั้งได้แจ้งแก่สมาชิกกองทุนทราบ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ชื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว โดยมีข้อบังคับตามเอกสาร พนักงานของจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียส่วนใหญ่ได้โอนมาเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว คงเหลือสมาชิกเพียงบางส่วนซึ่งมีอายุเกิน 55 ปี และไม่สมัครใจจะโอนไปเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ซึ่งรวมถึงโจทก์ทั้งสองด้วย เงินของสมาชิกดังกล่าวจึงยังอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย เนื่องจากจำเลยเป็นสถาบันการศึกษาที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจ ปี พ.ศ.2546 ถึง 2548 จำเลยมีรายได้ต่ำกว่ารายจ่ายถึง 352 ล้านบาท เพื่อความอยู่รอด จำเลยต้องพยายามลดค่าใช้จ่ายลง จึงได้ลดเงินสมทบที่ส่งเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพสถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย ซึ่งเดิมจำเลยจ่ายสมทบอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนของลูกจ้างโดยจ่ายสมทบลดลงเหลืออัตราร้อยละ 5 โดยไม่เลือกว่าลูกจ้างนั้นจะเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้วหรือยังคงอยู่กับกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย โดยจ่ายเงินสมทบลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 แล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยจ่ายเงินสมทบเข้าบัญชีโจทก์ทั้งสองที่กองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียในอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือน ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้แก่พนักงานที่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว เป็นการปฏิบัติต่อลูกจ้างทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกัน ไม่ได้เลือกปฏิบัติโดยจะบังคับให้จำเลยต้องจ่ายเงินสมทบร้อยละ 10 ของเงินเดือนโจทก์ทั้งสอง เข้าบัญชีโจทก์ทั้งสองในกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียต่างไปจากที่จำเลยจ่ายเงินสมทบเข้าบัญชีของลูกจ้างรายอื่นไม่ได้ ทั้งนี้เพราะกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียได้ปิดกิจการแล้วอยู่ในวาระชำระบัญชีเท่านั้น ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่ว่าด้วยอัตราเงินสมทบที่นายจ้างต้องส่งเข้ากองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียต้องสิ้นสุดลงด้วย โจทก์ทั้งสองไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยต้องส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนอีก
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองว่า จำเลยมีสิทธิปรับลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียหรือไม่ โดยโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ว่า กองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียมิได้ปิดกิจการลงไปและมีสมาชิกที่ไม่สมัครใจโอนไปเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว การที่จำเลยลดการส่งเงินสมทบจึงเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้น เห็นว่า จำเลยมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างข้อ 17 บังคับให้ลูกจ้างของจำเลย รวมทั้งโจทก์ทั้งสองต้องเป็นสมาชิกของกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย โดยสมาชิกส่งเงินสมทบอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือนและจำเลยจะส่งเงินสมทบอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างต่อมาในปี พ.ศ.2546 จำเลยมีนโยบายจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งจดทะเบียนแล้ว ขึ้นแทนกองทุนประกันและออมทรัพย์เดิม เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว พนักงานของจำเลยซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซีย ส่วนใหญ่ได้โอนมาเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว คงเหลือสมาชิกเพียงบางส่วนซึ่งมีอายุเกิน 55 ปี และไม่สมัครใจจะโอนไปเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ซึ่งสำหรับสมาชิกที่ไม่โอนไปเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพทิสโก้ร่วมทุน 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้วนั้น ยังคงเป็นสมาชิกกองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียอยู่ เมื่อจำเลยมิได้บอกเลิกการส่งเงินสมทบตามกฎข้อบังคับของกองทุน การยุบกองทุน กองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียจึงคงดำเนินการอยู่มิได้ยุบกองทุนไปและจำเลยต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของกองทุน ซึ่งรวมถึงการส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิกต่อไป การที่จำเลยเปลี่ยนแปลงอัตราการส่งเงินสมทบจากอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิกเป็นอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือนสมาชิก อันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง ซึ่งไม่เป็นคุณแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยจึงต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งสองก่อน เมื่อจำเลยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ทั้งสอง จำเลยจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอัตราการส่งเงินสมทบจากอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนสมาชิก เป็นอัตราร้อยละ 5 ของเงินเดือนสมาชิกได้ อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้จำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมโดยส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันและออมทรัพย์สถาบันเทคโนโลยี่แห่งเอเซียในอัตราร้อยละ 10 ของเงินเดือนโจทก์ทั้งสอง