แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้หนี้ตามสัญญาซื้อขายฉบับที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดกับหนี้ตามสัญญาซื้อขายฉบับที่จำเลยอ้างว่า โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยจะมีวัตถุแห่งหนี้เป็นการชำระเงินเหมือนกัน แต่โจทก์ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว ดังนี้ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะกันเงินไว้เพื่อนำไปหักกับหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์นำมาฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาขายเครื่องอะไหล่ เครื่องยนต์สำหรับรถจักรดีเซลไฟฟ้า รวม 5 รายการเป็นเงิน 1,659,270 บาทโจทก์ได้ส่งมอบสินค้าดังกล่าวให้จำเลยและจำเลยได้ทำการตรวจรับสินค้านั้นแล้ว คิดเป็นสินค้าที่จำเลยรับไว้และจะต้องชำระราคาให้แก่โจทก์เป็นเงิน 1,608,140 บาท แต่จำเลยชำระให้โจทก์เพียง 1,323,414.25 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน284,725.75 บาท จำเลยไม่ยอมชำระให้โดยอ้างว่าเป็นค่าเสียหายที่โจทก์ต้องรับผิดชดใช้ให้แก่จำเลยตามสัญญาซื้อขายสินค้าตามใบสั่งซื้อเลขที่ 3487 เป็นเงิน 132,546.18 บาท และตามสัญญาซื้อขายสินค้าตามใบสั่งซื้อเลขที่ 3533 เป็นเงิน 152,179.57 บาทซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้ารายนี้ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักได้ เมื่อคิดเป็นดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 21 พฤษภาคม 2525 ถึงวันฟ้องเป็นจำนวน40,929.32 บาท รวมเป็นเงินที่จะต้องชำระให้โจทก์ 325,655.07บาท จึงขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายตามฟ้องจริง แต่โจทก์ส่งเครื่องอะไหล่ให้จำเลยไม่ถูกต้องบางรายการต้องรับคืนไป จำเลยทวงถามให้โจทก์ส่งมอบเครื่องอะไหล่ให้ครบถ้วนตามใบสั่งซื้อ แต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิมาฟ้องให้จำเลยชำระราคาเครื่องอะไหล่เป็นเงิน 284,725.75 บาท พร้อมดอกเบี้ย เพราะเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยจึงไม่ต้องชำระราคาเครื่องอะไหล่ทั้งหมดให้แก่โจทก์ จำเลยมีสิทธิยึดเงินราคาของที่จะต้องชำระให้โจทก์ไว้ได้ทั้งหมดจนกว่าโจทก์จะได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญา การที่โจทก์ส่งของไม่ครบถ้วน โจทก์ต้องชำระค่าปรับเป็นเงิน 7,940 บาท จำเลยจึงขอฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระค่าปรับจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ย ฟ้องโจทก์ขาดอายุความนอกจากนี้จำเลยมีสิทธิปฏิเสธไม่ชำระราคาสินค้าจนกว่าโจทก์จะส่งมอบสินค้าให้จำเลยครบถ้วน แต่ถ้าศาลฟังว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระราคาของให้แก่โจทก์ ก็ปรากฏว่าโจทก์ได้ตกลงขายเครื่องอะไหล่แบบเดียวกันให้จำเลยอีกตามสัญญาและใบสั่งซื้อเลขที่ 3487 และ 3533 โดยโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาอีกกล่าวคือโจทก์ส่งเครื่องอะไหล่ไม่ถูกต้อง จะต้องถูกปรับตามสัญญาเป็นเงิน 284,725.75 บาท และตามเงื่อนไขสัญญาก็ระบุให้เป็นสิทธิแก่จำเลยแต่เพียงฝ่ายเดียวที่จะมีอำนาจวินิจฉัยว่าเครื่องอะไหล่ที่โจทก์ส่งมอบถูกต้องหรือไม่โจทก์ไม่มีสิทธิคัดค้าน เมื่อโจทก์ถูกตัดสิทธิดังกล่าวโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้จำเลยได้ว่าโจทก์ส่งมอบของถูกต้อง หนี้ค่าปรับที่จำเลยให้สิทธิหักกลบลบหนี้กับโจทก์ จึงเป็นหนี้ที่ไม่มีข้อต่อสู้แต่อย่างใดขอบังคับให้โจทก์รับผิดต่อจำเลยตามฟ้องแย้ง
โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ชำระค่าเบี้ยปรับแก่จำเลยตามฟ้องแย้งเป็นเงิน 2,000 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘จำเลยมีสิทธิที่จะกันเงินจำนวน284,725.75 บาท ตามฟ้องโจทก์เพื่อนำไปหักกับหนี้ในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.7 และ ล.8 ตามข้ออ้างของจำเลยได้หรือไม่พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้หนี้ตามที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดกับหนี้ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย ล.7 และ ล.8 จะมีวัตถุแห่งหนี้เป็นการชำระเงินเหมือนกันแต่ก็ได้ความตามทางนำสืบของโจทก์และจำเลยว่า โจทก์ยังมีข้อโต้แย้งอยู่ว่าโจทก์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญาและได้ชำระหนี้ให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะกันเงินจำนวนดังกล่าวไว้เพื่อนำไปหักกับหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.2 ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ได้ดังนั้น จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวน 284,725.75 บาทให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่จำเลยผิดนัด……’
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน282,725.25 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่จำเลยผิดนัดคือวันที่ 21 พฤษภาคม 2525 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ.