คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย จำเลยกับนายเวศเป็นคนขัดขวางมิให้คนไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามายเอียดต่อไป เมื่อได้ความว่า จำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นน้องนายเวศร่วมบิดามารดากัน ก่อนเกิดเหตุ 1 เดือน มีเรื่องชกต่อยขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศ การที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนด้วยกับนายเวศ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่แสดงให้เห็นว่า ได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้ว มิได้วิ่งหนีไปทางอื่นกลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ พอถึงจำเลยกับพวกก็ลุกขึ้นยืนขู่ขัดขวางการไล่ติดตามทันที การกระทำของจำเลยเป็นตัวการกระทำผิดด้วยกันกับนายเอียด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องอีก ๒ คน ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายร่างกายนายย้วน ทรายอ่อน โดยเจตนาฆ่า นายย้วนได้ถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกจำเลยกับพวกทำร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกันกับพวกใช้มีดแทงทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๓ จำคุก ๑๘ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยกับพวกมิได้ร่วมแทงผู้ตาย และมิได้เข้าไปในที่ที่นายเอียดแทงผู้ตายด้วย เพียงแต่ยืนอยู่ในป่าห่างจากที่ที่นายเอียดแทงผู้ตายประมาณ ๑ เส้น และขัดขวางไม่ให้นางมะลิภรรยา และนายเยื้อนพี่ผู้ตายติดตามจับนายเอียดน้องจำเลย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับนายเอียดฆ่าผู้ตาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือนายเอียดผู้กระทำผิดในขณะกระทำผิด จึงเป็นเพียงสนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๖ ให้ลงโทษจำเลยสองในสามส่วน จำคุก ๑๒ ปี
โจทก์ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการร่วมกันฆ่า ไม่ใช่สนับสนุนการกระทำผิดขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาว่า ไม่ได้กระทำความผิด
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นายเอียดเป็นคนแทงผู้ตาย ส่วนนายเวศกับจำเลยเป็นคนขัดขวางไว้มิให้พวกที่ไล่ติดตามนายเอียดไล่ติดตามต่อไป ได้ความว่าจำเลยเป็นพี่นายเอียด นายเอียดเป็นพี่นายเวศ ร่วมบิดามารดากัน ซึ่งเมื่อก่อนเกิดเหตุนี้ราย ๑ เดือน มีเรื่องชกต่อยกันขึ้นระหว่างผู้ตายกับนายเวศ ดังนั้น การที่จำเลยไปแอบซุ่มอยู่ในป่าโดยมีปืนไปด้วยกับนายเวศ และเมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้วได้วิ่งหนีไปทางที่จำเลยกับนายเวศแอบซุ่มอยู่ จึงเห็นได้ว่าได้มีการร่วมคบคิดกันฆ่าแต่แรกที่จะไปแทงทำร้ายผู้ตายรายนี้ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ กล่าวคือ เมื่อนายเอียดแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนี นายเอียดมิได้วิ่งไปทางอื่น กลับวิ่งไปทางที่จำเลยกับพวกคอยดักอยู่ ครั้นพอพวกผู้ตายวิ่งตามนายเอียดไปถึงตรงนั้น จำเลยกับนายเวศก็ลุกขึ้นยืนจากป่าที่กำบังยกปืนขู่ทันทีมิให้พวกที่ไล่ติดตามนายเอียดไล่นายเอียดต่อไป จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานเป็นตัวการฆ่าผู้ตายรายนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share