แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยชิงทรัพย์โดยกระชากสร้อยซึ่งสวมอยู่ที่คอของผู้เสียหาย สร้อยคอขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหาย จำเลยจึงเอาสร้อยนั้นไปไม่ได้ เป็นการที่จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่ยังไม่อาจยึดถือเอาทรัพย์นั้นไปได้สำเร็จ เป็นผิดเพียงพยายามชิงทรัพย์
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์อันเป็นความผิดสำเร็จ ได้ความตามทางพิจารณาว่าเป็นพยายาม ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพยายามชิงทรัพย์ได้ เพราะไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณาต่างกับฟ้อง และไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ หรือที่มิได้กล่าวในฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 การนำเอามาตรา 80 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มาประกอบการลงโทษจำเลยเป็นเพียงวิธีการแบ่งส่วนโทษตามความผิดของจำเลยเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำการชิงทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนและเหล็กขูดชาฟท์เป็นอาวุธ โดยจำเลยกระชากลักเอาสร้อยคอทองคำราคา ๒๓๐ บาท ของนางสมศรีที่สวมใส่อยู่ที่คอขาดออกแล้วพาหนีไป และจำเลยคนหนึ่งได้ใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงทำร้ายสิบเอกจรัญพวกเจ้าทรัพย์ที่ได้เข้าขัดขวางบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๙, ๒๙๗ และขอให้เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ กับนับโทษจำเลยทั้งสองต่อกับโทษอีกคดีหนึ่งด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๒ รับข้อเคยต้องโทษและพ้นโทษ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ จำคุกจำเลยคนละ ๖ ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็นจำคุกจำเลยที่ ๒ แปดปี นับโทษจำเลยทั้งสองต่อจากคดีอาญาแดงที่ ๖๖๔/๒๕๑๐ ของศาลอาญา
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสองกระทำการชิงทรัพย์ ปรากฏว่าจำเลยเอาสร้อยของผู้เสียหายไปไม่ได้ เนื่องจากสร้อยขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหาย จึงเป็นเพียงพยายามพิพากษาแก้ ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๘๐ จำคุกคนละ ๔ ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ ๒ อีก ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๒ เป็นจำคุกจำเลยที่ ๒ ห้าปีสี่เดือน
โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาว่า จำเลยทั้งสองสมคบกันใช้ปืนและเหล็กขูดชาฟท์เป็นอาวุธทำการจี้และขู่ แล้วลักเอาสร้อยคอทองคำราคา ๒๓๐ บาท ของผู้เสียหายไป โดยจำเลยคนหนึ่งเป็นคนกระชากสร้อยจากคอผู้เสียหาย และทันใดนั้นจำเลยอีกคนหนึ่งใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงทำร้ายสิบเอกจรัญพวกของผู้เสียหายซึ่งเข้าทำการขัดขวางการกระทำของจำเลยทั้งสองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และจำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปไม่ได้เนื่องจากสร้อยที่จำเลยกระชากได้ขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหาย วินิจฉัยว่า การที่จำเลยเอาสร้อยของผู้เสียหายไปไม่ได้เนื่องจากสร้อยที่จำเลยทำการลักได้ขาดตกอยู่ในเสื้อของผู้เสียหายนั้น เห็นได้ว่าจำเลยได้ลงมือกระทำผิดฐานลักทรัพย์แล้ว แต่ยังไม่อาจยึดถือเอาทรัพย์นั้นไปได้สำเร็จ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดเพียงพยายามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐
ส่วนฎีกาในข้อที่ว่า โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองทำการชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์มาวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำเพียงฐานพยายามชิงทรัพย์ เป็นการวินิจฉัยไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คดีอาญาที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานความผิดสำเร็จ ถ้าทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำการอันเป็นเพียงพยายามกระทำผิด ศาลก็ลงโทษจำเลยได้ จะว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับฟ้องหาได้ไม่ ทั้งไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ หรือที่มิได้กล่าวมาในฟ้องแต่อย่างใด การนำมาตรา ๘๐ อันว่าด้วยพยายามกระทำความผิดมาประกอบการลงโทษจำเลย ก็เป็นเพียงวิธีการแบ่งส่วนลงโทษตามความผิดของจำเลยเท่านั้น
พิพากษายืน