คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307-1308/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ใช้ปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสและถูกผู้ตายซึ่งยืนอยู่ใกล้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 60
จำเลยที่ 2 ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายหรือผู้ตายแต่ยืนอยู่กับจำเลยที่ 1 ขณะจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหาย เมื่อยิงแล้วจำเลยที่ 2 วิ่งหนีไปกับจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานเพียงเท่านี้ยังฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นตัวการกระทำผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ไม่ได้

ย่อยาว

คดี 2 สำนวนนี้ศาลรวมพิจารณาเข้าด้วยกัน สำนวนแรกโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายและฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 60 ส่วนสำนวนที่ 2โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษนายภู ผกาศรี ฐานครอบครองอาวุธปืนโดยไม่รับอนุญาต

จำเลยทั้ง 2 สำนวนให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 60, 83 อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 18 ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 12 ปี ของกลางริบ

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดจริงตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 2นั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มั่นคงพอฟังว่าได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะนายกันยาจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 ใช้ปืนแก๊ปยาวยิงผู้เสียหายเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกันกระสุนปืนถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสและพลาดไปถูกผู้ตายซึ่งยืนอยู่กับผู้เสียหายถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย

สำหรับจำเลยที่ 2 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายเพียงแต่จำเลยที่ 2 ยืนอยู่กับจำเลยที่ 1 ยิงผู้เสียหาย แล้ววิ่งหนีไปด้วยกัน อีกทั้งไม่ปรากฏว่าก่อนยิงจำเลยที่ 1 ได้ชักชวนจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด หลักฐานเพียงเท่านี้ไม่พอฟังได้แน่ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1

พิพากษายืน

Share