แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
แม้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์แล้วมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์บางข้อคู่ความผู้อุทธรณ์จะอุทธรณ์คำสั่งก็ต้องยื่นภายในกำหนด 10 วัน
ย่อยาว
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 6 เดือนมกราคมพุทธศักราช 2513
คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม จำเลยค้างชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2512 โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าแล้วจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน เดือนละ 200 บาท นับจากเดือนมีนาคม 2512 ส่วนสัญญาเช่าข้อ 13 ที่มีข้อความว่า ผู้ให้เช่าจะขายทรัพย์สินที่เช่าแก่ผู้ใดต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบเพื่อมีโอกาสซื้อก่อนนั้น โจทก์ว่า ผู้ให้เช่าคนเดิมแจ้งแล้ว จำเลยไม่ซื้อโจทก์ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ให้เช่าในปัจจุบันมิได้เป็นผู้ขาย จึงไม่ได้เป็นผู้ผิดสัญญาพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกเลขที่ 216/2 ถนนตรีมิตร ตำบลตลาดน้อย อำเภอสัมพันธวงศ์ จังหวัดพระนคร ให้จำเลยใช้เงินค่าเช่าที่ค้าง 200 บาท และใช้ค่าเสียหายเดือนละ 200 บาท นับจากเดือนมีนาคม 2512 จนกว่าจำเลยและบริวารจะออกจากตึกให้โจทก์ ให้จำเลยเสียค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความอีก 150 บาทแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ทั้งปัญหาข้อกฎหมายและปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2512 สั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนปัญหาข้อเท็จจริงสั่งไม่รับ เพราะเห็นว่าต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2512
ศาลชั้นต้นสั่งว่า การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ต้องกระทำภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 จำเลยอุทธรณ์คำสั่งเกินกำหนดแล้วจึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์บางข้อ เมื่อพ้นกำหนด 10 วัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ว่า กรณีที่จะอุทธรณ์คำสั่งที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 นั้น ต้องเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ทั้งหมด หากสั่งรับบางข้อและสั่งไม่รับบางข้อเช่นอุทธรณ์ของจำเลย ก็อุทธรณ์คำสั่งได้ภายในกำหนดหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าในการตรวจอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นนั้น ศาลชั้นต้นอาจตรวจในข้อที่คดีต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224, 230คดีนี้ศาลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่าต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงสั่งไม่รับ และมีคำสั่งให้ส่งอุทธรณ์นั้นไปเท่าที่เป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง จึงเป็นคำสั่งปฏิเสธไม่ส่งอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 232 หาใช่ต้องเป็นกรณีปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยทั้งหมดดังจำเลยฎีกาขึ้นมาไม่ จำเลยจึงต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อเท็จจริง โดยยื่นคำขอเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2512 จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2512 เกินกำหนด 10 วัน ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ สั่งไม่รับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงของจำเลยจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลยค่าธรรมเนียมชั้นนี้เป็นพับแก่จำเลย