คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของ น. เมื่อ น. ไม่ชำระหนี้จำเลยชอบที่จะขอศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของ น. ชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย จำเลยนำยึดรถยนต์พิพาทซึ่ง น. ขับขี่รับจ้างส่งคนโดยสารและสินค้ามาก่อนที่จำเลยจะนำยึดถึงสองปี พฤติการณ์ที่รถยนต์พิพาทอยู่ในความครอบครองของ น. เช่นนี้แสดงให้จำเลยเข้าใจว่ารถยนต์พิพาทเป็นของ น. โจทก์มิได้อ้างว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทของโจทก์ไว้โดยไม่สุจริตหรือประมาทเลินเล่อ อ้างเพียงว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ปล่อยรถยนต์พิพาทที่ยึด แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยรถยนต์พิพาท แม้จำเลยจะเป็นผู้รักษารถยนต์พิพาทไว้ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบให้รักษา โจทก์ก็มิได้ร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้คืนรถให้โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยได้ทราบคำพิพากษาอุทธรณ์หลังจากที่จำเลยได้คืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์แล้ว จะถือว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้คืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ ทำให้โจทก์เสียหายหาได้ไม่โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนศ.ก. 00268 และให้นายหนูเช่าเป็นรายวัน จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถดังกล่าว โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยศาลจังหวัดศรีสะเกษมีคำสั่งว่ารถเป็นของโจทก์ ให้ปล่อยรถคืนโจทก์ จำเลยไม่ปฏิบัติตาม เพิ่งคืนให้ภายหลัง โจทก์ขอคิดค่าเสียหาย 188 วันเป็นเงิน 18,800 บาท ขอให้บังคับจำเลยใช้

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นเจ้าหนี้นายหนูตามคำพิพากษา โจทก์ไม่เสียหาย และโจทก์ฟ้องซ้ำ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 18,800 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายหนูเมื่อนายหนูไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้จำเลย จำเลยชอบที่จะขอศาลบังคับคดียึดทรัพย์ของนายหนูชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้การกระทำของจำเลยเป็นการใช้สิทธิทางศาลตามกฎหมาย และข้อเท็จจริงก็ได้ความว่านายหนูลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ขับขี่รถยนต์พิพาทเที่ยวรับจ้างส่งคนโดยสารและสินค้ามาก่อนที่จำเลยนำยึดถึงสองปี การที่รถยนต์พิพาทอยู่ในความครอบครองของนายหนูเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกที่จะให้จำเลยเข้าใจได้ว่ารถยนต์พิพาทเป็นของนายหนู และโจทก์ก็มิได้อ้างว่าจำเลยได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์พิพาทของโจทก์ไว้โดยไม่สุจริตหรือประมาทเลินเล่อ อ้างเพียงว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้ปล่อยรถยนต์พิพาทที่ยึด และตามข้อเท็จจริงได้ความว่า เมื่อศาลจังหวัดศรีสะเกษมีคำสั่งให้ปล่อยรถยนต์พิพาทเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2514 แม้จำเลยจะเป็นผู้รักษารถยนต์พิพาทไว้ตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมอบให้รักษา โจทก์ก็มิได้ร้องขอต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีให้คืนรถให้โจทก์ จำเลยได้อุทธรณ์คำสั่งศาลจังหวัดศรีสะเกษศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ปล่อยรถยนต์พิพาทที่ยึด จำเลยได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 8กุมภาพันธ์ 2515 หลังจากที่จำเลยได้คืนรถยนต์พิพาทให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2514 ไปแล้ว จะถือว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลที่ให้คืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ทำให้โจทก์เสียหายนั้นจึงรับฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share