คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ในคำฟ้องจะไม่ปรากฏชื่อของผู้เสียหายก็ตาม แต่ในรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้องได้ระบุชื่อผู้เสียหายไว้ด้วย เมื่อพิจารณาคำฟ้องประกอบกับรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องแล้ว เห็นได้ชัดว่าใครเป็นผู้เสียหาย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการยุยงและใช้ให้จำเลยที่ 2 ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ด้วยคำสั่งของจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 2 กับพวกได้ชกทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 84

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีเป็นที่น่าสงสัยว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำผิดตามฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) เพราะไม่ได้ระบุว่าผู้เสียหายเป็นใคร แม้จะฟังว่าจำเลยที่ 2 ทำความผิดตามฟ้อง ก็ลงโทษไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้อง พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย

โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในสถานหนัก

จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในคำฟ้องจะไม่ปรากฏชื่อของผู้เสียหายก็ตาม แต่ในรายงานชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง ได้ระบุชื่อผู้เสียหายไว้ด้วย เมื่อพิจารณาคำฟ้องประกอบกับรายงานการชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องดังกล่าวแล้ว ย่อมเห็นได้แจ่มแจ้งว่าผู้เสียหายก็คือพลตำรวจสนั่น วังศรี นั่นเอง ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง และศาลอุทธรณ์กำหนดโทษพอสมควรแก่ความผิดแล้ว

พิพากษายืน

Share