แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุสุดวิสัยนั้นย่อมหมายถึงเหตุใดๆอันจะเกิดขึ้นก็ดี จะให้ผลพิบัติก็ดีไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะได้จัดการระมัดระวังตามสมควร อันพึงคาดหมายได้จากบุคคลเช่นนั้นในฐานะเช่นนั้น
พนักงานขับรถของจำเลยได้ขับรถออกนอกผิวจราจรโดยมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ประกอบกับรถยนต์ของจำเลยบรรทุกของหนักเป็นเหตุให้ดินที่ขอบไหล่ถนนทางด้านซ้ายทรุดหรือยุบทำให้รถยนต์ของจำเลยเสียหลักแล่นตะแคงพลิกคว่ำตกลงไปข้างถนนซึ่งพนักงานของจำเลยมีทางที่จะป้องกันมิให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้ หากใช้ความระมัดระวังขับรถบนผิวจราจรของถนนในช่องทางเดินรถของตนตามปกติ เมื่อมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นความประมาทเลินเล่อมิใช่เหตุสุดวิสัย
โจทก์ได้นำรถยนต์บรรทุกมาบรรทุกเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของตนที่ได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งของจำเลยจากที่เกิดเหตุไปเก็บรักษาไว้ที่บริษัทโจทก์เป็นการนำไปเก็บรักษาไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้สูญหาย อันเป็นการช่วยบรรเทาผลร้ายให้แก่จำเลยแต่ต่อมาจำเลยได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างของจำเลยไปตรวจสอบความเสียหายของเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ที่จำเลยได้ทำการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยให้แก่โจทก์ ณ ปลายทางตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการรับขนส่ง แต่โจทก์เสนอให้มีการทดสอบแล้วส่งผลไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจวิเคราะห์และจำเลยตกลงรับข้อเสนอของโจทก์ แต่กรณีเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ผลที่ได้จากการทดสอบตกลงกันไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องจำเลยตามพฤติการณ์ดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่ามีการส่งมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กให้แก่โจทก์แล้วอายุความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงยังไม่เริ่มนับ
การที่รถยนต์บรรทุกของจำเลยตะแคงพลิกคว่ำลงข้างถนนในระหว่างขนส่งเครื่องแยกแร่แม่เหล็กมาให้โจทก์ เครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงชำรุดบุบสลาย มิใช่เป็นการสูญหายหรือบุบสลายโดยสิ้นเชิงจนไม่สามารถใช้การได้ เมื่อจำเลยได้ทำการซ่อมแซมแล้วเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ก็ยังใช้การได้ แต่ไม่ดีดังสภาพเดิมโจทก์จะปฏิเสธไม่ยอมรับเครื่องแยกแร่แม่เหล็กดังกล่าว โดยจะขอให้จำเลยชดใช้ราคาทั้งหมดรวมทั้งค่าภาษีค่าโกดังเก็บสินค้าและค่าระวางพาหนะขนส่งของจำเลยหาได้ไม่โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ว่าจ้างให้จำเลยขนส่งเครื่องแยกแร่แม่เหล็ก ๒ เครื่องจากโกดังเก็บสินค้าการท่าเรือแห่งประเทศไทย ไปยังโรงงานทำเหมืองแร่ของโจทก์ที่จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างทางพนักงานขับรถยนต์บรรทุกของจำเลยขับรถไปพลิกคว่ำทำให้เครื่องแยกแร่แม่เหล็ก ๒ เครื่องของโจทก์ได้รับความเสียหาย ไม่สามารถซ่อมให้มีประสิทธิภาพดังเดิมได้ ขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ราคาเครื่องแยกแร่แม่เหล็ก ค่าภาษีศุลกากร และค่าอื่น ๆ ค่าโกดังเก็บสินค้าและค่าระวางให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า เครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์เลื่อนตกลงจากรถบรรทุกของจำเลยเพราะเหตุสุดวิสัย จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เครื่องแยกแร่แม่เหล็กเสียหายเพียงเล็กน้อย จำเลยได้จัดการซ่อมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมรับมอบโดยไม่มีเหตุผล คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้ซ่อมเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย โจทก์ชอบที่จะปฏิเสธไม่ยอมรับมอบและฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายจากจำเลยได้ พิพากษาให้จำเลยชดใช้ราคาเครื่องแยกแร่แม่เหล็กให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๔๘๐,๑๑๔.๗๕ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุสุดวิสัยนั้นย่อมหมายถึงเหตุใด ๆ อันจะเกิดขึ้นก็ดีจะให้ผลพิบัติก็ดี ไม่มีใครจะอาจป้องกันได้ แม้ทั้งบุคคลผู้ต้องประสบหรือใกล้จะต้องประสบเหตุนั้นจะไดัจัดการระมัดระวังตามสมควร อันพึงคาดหมายได้จากบุคคลเช่นนั้นในฐานะเช่นนั้นดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘ แต่ในเรื่องนี้ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของจำเลยขัดแย้งกับภาพจำลองวัตถุพยานที่แสดงถึงสภาพของรถยนต์จำเลยที่พลิกคว่ำตกลงไปข้างถนนซึ่งโจทก์ส่งอ้างเป็นพยานหลักฐานตามภาพถ่ายหมาย ว.จ.๑ ถึง ว.จ.๑๑ โดยพฤติการณ์ตามข้อนำสืบของจำเลยแสดงให้เห็นว่าก่อนเกิดเหตุพนักงานขับรถของจำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุมาตามผิวจราจรของถนนในช่องทางเดินรถของตนตามปกติและในขณะที่หยุดรถทันทีเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นรถยนต์บรรทุกของจำเลยคงอยู่บนผิวจราจรของถนนเช่นเดิมเพราะนายประคอง จันทร พนักงานขับรถของจำเลยเบิกความยืนยันว่า ในขณะนั้นได้หยุดรถทันทีโดยมิได้หักหลบไปทางด้านซ้ายแต่อย่างใด แต่ตามภาพถ่ายที่โจทก์ส่งอ้างดังกล่าว โดยเฉพาะภาพถ่ายหมาย ว.จ.๒ ปรากฏว่าสภาพถนนที่เกิดเหตุเป็นถนนดินลูกรังและมีรอยล้อรถยนต์ของจำเลยทางด้านซ้ายที่ไหล่ถนนลาดลงไปทางด้านข้างเป็นแนวยาวจนกระทั่งถึงจุดที่รถยนต์ของจำเลยตะแคงพลิกคว่ำอยู่ข้างทาง โดยรอยล้อรถยนต์ของจำเลยดังกล่าวเป็นรอยลึกเพียงเล็กน้อยและอยู่นอกผิวจราจร ส่วนผิวจราจรบนถนนเรียบเป็นปกติไม่มีร่องรอยดินพื้นถนนทรุดหรือยุบดังข้อนำสืบของจำเลย แสดงว่าก่อนเกิดเหตุพนักงานขับรถของจำเลยได้ขับรถออกนอกผิวจราจรโดยมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ประกอบกับรถยนต์ของจำเลยบรรทุกของหนักเป็นเหตุให้ดินที่ขอบไหล่ถนนทางด้านซ้ายทรุดหรือยุบทำให้รถยนต์ของจำเลยเสียหลักแล่นตะแคงพลิกคว่ำตกลงไปข้างถนน ซึ่งพนักงานขับรถของจำเลยมีทางที่จะป้องกันมิให้เหตุนั้นเกิดขึ้นได้ หากใช้ความระมัดระวังขับรถบนผิวจราจรของถนนในช่องทางเดินรถของตนตามปกติ เมื่อมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นความประมาทเลินเล่อของพนักงานขับรถจำเลย มิใช่เป็นเหตุสุดวิสัย
ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยส่งมอบของหรือเครื่องแยกแร่แม่เหล็กให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๒ โจทก์นำคดีมาฟ้องเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๒๓ เกินกำหนด๑ ปี คดีของโจทก์เป็นอันขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๒๔ นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๒๒ จำเลยได้ทำการขนส่งเครื่องแยกแร่แม่เหล็กทั้งสองเครื่องของโจทก์ไปยังโรงงานทำเหมืองแร่ของโจทก์ที่จังหวัดกาญจนบุรีเพื่อส่งมอบให้แก่โจทก์ แต่ในระหว่างการขนส่งเมื่อรถยนต์ของจำเลยแล่นมาถึงที่เกิดเหตุได้เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำตกจากถนนลงไปอยู่ข้างทาง วันรุ่งขึ้นโจทก์ได้นำรถยนต์บรรทุกมาบรรทุกเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของตนที่ได้รับความเสียหายในระหว่างการขนส่งของจำเลยจากที่เกิดเหตุไปเก็บรักษาไว้ที่บริษัทโจทก์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการรักษาไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้สูญหาย อันเป็นการช่วยบรรเทาผลร้ายให้แก่จำเลย และต่อมาจำเลยได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างของจำเลยไปตรวจสอบความเสียหายของเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ที่จำเลยได้ทำการซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยให้แก่โจทก์ณ ปลายทางตามที่ได้ตกลงกันไว้ในการรับขนส่ง ตามเอกสารหมาย จ.๒ หรือ ล.๔ แต่โจทก์เสนอให้มีการทดสอบแล้วส่งผลไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจวิเคราะห์ และจำเลยก็ตกลงรับข้อเสนอของโจทก์ แต่กรณีเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ผลที่ได้จากการทดสอบตกลงกันไม่ได้ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ดังนั้น ข้อที่จำเลยอ้างว่าได้ส่งมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กรายนี้ตามที่จำเลยรับทำการขนส่งให้แก่โจทก์แล้วตั้งแต่วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๒ จึงเป็นการกล่าวอ้างโดยฝืนต่อข้อเท็จจริง เพราะตามพฤติการณ์ที่กล่าวมาแล้วยังถือไม่ได้ว่ามีการส่งมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กรายนี้ให้แก่โจทก์ เมื่อจำเลยยังมิได้ส่งมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กตามสัญญารับขนให้แก่โจทก์ อายุความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยในฐานะผู้ขนส่งจึงยังไม่เริ่มนับคดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ การที่รถยนต์บรรทุกของจำเลยตะแคงพลิกคว่ำลงข้างถนนในระหว่างขนส่งเครื่องแยกแร่แม่เหล็กมาให้โจทก์ เครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ได้รับความเสียหายเพียงชำรุด บุบสลาย มิใช่เป็นการสูญหายหรือบุบสลายโดยสิ้นเชิงจนไม่สามารถใช้การได้ และข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่า เมื่อจำเลยได้ทำการซ่อมแซมเครื่องแยกแร่แม่เหล็กที่ได้รับความเสียหายดังกล่าวแล้ว เครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์ก็ยังใช้การได้ แต่ไม่ดีดังสภาพเดิม ดังนี้ โจทก์จะปฏิเสธไม่ยอมรับมอบเครื่องแยกแร่แม่เหล็กรายพิพาท โดยจะขอให้จำเลยชดใช้ราคาทั้งหมดรวม ค่าภาษี ค่าโกดังเก็บสินค้าและค่าระวางพาหนะขนส่งของจำเลยเป็นจำนวนถึง ๔๘๐,๑๑๔.๗๕บาทหาได้ไม่ โจทก์ชอบที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยศาลฎีกาเห็นสมควรให้โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายเป็นค่าเสื่อมสภาพของเครื่องแยกแร่แม่เหล็กของโจทก์เพียงหนึ่งในสามของราคาทั้งหมดดังกล่าวข้างต้นเป็นจำนวนเงินทั้งหมด๑๒๕,๘๕๔.๒๓ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๑๒๕,๘๕๔.๒๓ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์