แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พี่ชายได้จัดการแบ่งนามรดกให้แก่น้องชายและน้องสาวตามคำสั่งของบิดามารดา แต่น้องสาวไม่ยอม พี่จึงพาน้องชายไปหาทนายความ ต่อมาน้องชายขอให้พี่ออกเงินให้ตนดำเนินคดี โดยสัญญาว่าถ้าคดีถึงที่สุดน้องชายได้รับส่วนแบ่งนามาจะแบ่งนาให้พี่ชายครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ต้องการก็จะขายนาเอาเงินใช้ทุนให้ ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า พี่ชายช่วยเหลือน้องชายให้ได้รับความยุติธรรมจากโรงศาล และควรนับได้ว่าพี่ชายมีความเกี่ยวพันอยู่ในมูลคดีนั้นด้วย ไม่ใช่เรื่องพี่ชายแสวงหาประโยชน์ใส่ตนด้วยการยุยงส่งเสริมให้เขาเป็นความกันในกรณีที่ตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลคดีนั้นด้วย จึงทำให้นิติกรรมสัญญานั้นตกเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 113 เมื่อคดีถึงที่สุดน้องชายได้รับส่วนแบ่งนามาแล้วไม่แบ่งนาให้พี่ชาย พี่ชายย่อมมีอำนาจฟ้องเรียกเอาได้ตามสัญญา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า เดิมโจทก์จะจัดการแบ่งนามรดกให้จำเลยกับนางป้อง ซึ่งเป็นน้องชายน้องสาวโจทก์ตามคำสั่งขอบิดามารดา นางป้องไม่ยอมแบ่ง โจทก์จึงนำจำเลยไปหารือทนายความ ต่อมาจำเลยมาพูดอ้อนวอนให้โจทก์ออกเงินเป็นทุนหุ้นส่วนดำเนินคดี เมื่อคดีถึงที่สุดจำเลยได้รับส่วนแบ่งนาจากนางป้องแล้ว จำเลยจะขอแบ่งนาให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ต้องการก็จะขายเอาเงินใช้ทุนให้ โจทก์จึงออกเงินให้จำเลยรวม ๑๒๐๐ บาท จำเลยดำเนินคดีถึงที่สุดชนะได้ส่วนแบ่งนามาจากนางป้องครึ่งหนึ่ง แล้วจำเลยไม่ยอมแบ่งนาหรือคืนให้โจทก์ ๆ จึงฟ้องขอให้จำเลยแบ่งนาส่วนที่จำเลยได้รับให้โจทก์ครึ่งหนึ่งหรือคืนเงิน ๑๒๐๐ บาทให้โจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาหรือข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๑๐/๒๔๖๘ และที่ ๖๙๐/๒๔๙๒ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ในคดีเรื่องนี้ตามฟ้องของโจทก์ปรากฎว่านิติกรรมนั้นเกิดขึ้นแต่การที่โจทก์จะช่วยเหลือจำเลยให้ได้รับความยุติธรรมจากโรงศาล เนื่องมาแต่เหตุที่นางป้องไม่ยินยอมให้โจทก์จัดการแบ่งทรัพย์ให้จำเลยตามคำสั่งของบิดา จำเลยก็เป็นน้องชายของโจทก์เอง ควรนับได้ว่าโจทก์มีความเกี่ยวพันอยู่ในมูลคดีนั้นด้วย และข้อสัญญาก็ให้ประโยชน์แก่จำเลยเป็นฝ่ายเลือกเอาว่าจะแบ่งที่ดินให้โจทก์แทนเงินที่โจทก์ออกให้จำเลย หรือจำเลยจะชำระเงินนั้นให้โจทก์ก็ได้ ดอกเบี้ยโจทก์ก็มิได้เรียกเอาเลย จึงเห็นว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมิใช่เกิดขึ้นจากการที่โจทก์แสวงหาประโยชน์ใส่ตนด้วยการยุยงส่งเสริมให้เขาเป็นความกันในกรณีที่โจทก์มิได้ส่วนเกี่ยวข้องกับมูลคดีนั้นด้วย จึงไม่ทำให้นิติกรรมสัญญาดังกล่าวตกเป็นโมฆะตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๑๓ จึงพิพากษาให้ศาลล่างดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่