คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1953/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนองน้ำที่เป็นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับราษฎรใช้ด้วยกันและอยู่ในหน้าที่กรมการอำเภอตรวจตรารักษาไม่ให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว ตามความในมาตรา 122 แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 นั้น นายอำเภอย่อมมีอำนาจสั่งให้ผู้ที่ทำการบุกรุกหนองน้ำนั้นให้เลิกทำการบุกรุกได้ ถ้าผู้นั้นขัดขืน ก็ต้องมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 334 ข้อ 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกหนองแสงปากดง ซึ่งเป็นหนองสาธารณะประโยชน์ นายอำเภอได้สั่งให้จำเลยเลิกทำการบุกรุก จำเลยขัดขืน จึงขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๔ (๒)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามฟ้อง ปรับ ๒๕ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หนองพิพาท เป็นหนองสาธารณะประโยชน์ สำหรับราษฎรใช้ด้วยกัน และอยู่ในหน้าที่กรมการอำเภอแวง ตรวจตรารักษา ไม่ให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์แต่เฉพาะตัว ตามความในมาตรา ๑๒๒ แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.๒๔๕๗ นายอำเภอแวงจึงมีอำนาจสั่งให้จำเลยเลิกทำการบุกรุกได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยขัดขืนต้องมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๓๔ ข้อ ๒ดังโจทก์อ้างมา
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลจังหวัดร้อยเอ็ด

Share