คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1465/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย จำเลยถามว่ามองทำไมผู้ตายชกหน้าจำเลย 1 ทีจำเลยทรุดนั่ง ผู้ตายชักมีดเงื้อแทงจำเลยอีก จำเลยแย่งมีดได้ก็เอามีดนั้นแทงผู้ตาย 1 ที ดังนี้ แม้จำเลยจะแย่งมีดได้ ก็หาได้หมายความว่าอันตรายหมดไปไม่ ถือว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้ยังมีอยู่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คดีที่ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้ยังมีอยู่ ซึ่งศาลฎีกาต้องถือตาม โจทก์ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายพินตายในทันทีโดยเจตนาฆ่าขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย ยื่นหน้าจ้องหน้าจำเลย จำเลยถามว่ามองทำไม ผู้ตายชกหน้าจำเลย 1 ที จำเลยทรุดนั่ง ผู้ตายชักมีดเงื้อแทงจำเลยอีก จำเลยจับแขนผู้ตายแย่งมีดจำเลยแย่งมีดได้ก็เอามีดแทงผู้ตาย 1 ทีถูกที่ใต้กระดูกไหปลาร้าด้านซ้ายตัดขั้วหัวใจ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันตนไม่เกินสมควรแก่เหตุ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นซึ่งศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้กันยังมีอยู่มิใช่ภยันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่จำเลยหมดไปแล้ว ในสถานการณ์เช่นนั้นจำเลยย่อมจะไม่มีเวลาคิดว่าควรขว้างมีดทิ้งเสีย และไม่มีเหตุอันใดที่จำเลยจะเสี่ยงภัยไปต่อสู้กับผู้ตายอีก ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยแย่งมีดจากผู้ตายได้แล้วที่มือผู้ตายก็ไม่มีอาวุธอะไร หากจำเลยจะขว้างมีดทิ้งเสียก็ย่อมทำได้ คดีต้องฟังว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่จำเลยได้หมดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิป้องกัน ตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น แม้จำเลยจะแย่งมีดได้ แต่ก็หาหมายความว่าอันตรายหมดไปเพียงเท่านั้นไม่ ศาลอุทธรณ์ยังฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่การต่อสู้กันยังมีอยู่ ซึ่งศาลฎีกาต้องถือตามโจทก์ฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ พิพากษายืน

Share