คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีลักทรัพย์หรือรับของโจรที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อ 1. วันที่ 17 เมษายน 2507 มีคนร้ายลักกระบือไป ข้อ 2. วันที่ 19 เมษายน 2507 จำเลยได้รับเงินเป็นค่าไถ่กระบือแล้วนำกระบือมาคืน ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1. จำเลยเป็นคนร้ายลักเอากระบือไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1.ถึงวันที่ 19 เมษายน 2507 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยรับเอากระบือรายนี้ไว้โดยรู้ว่าเป็นของร้ายได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเข้าลักษณะลักทรัพย์จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบต่อสู้ว่าไถ่มาจากบุคคลอื่นเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยได้นำกระบือของผู้เสียหายไปซ่อนแล้วเรียกค่าไถ่จริงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 (ฐานรับของโจร) เช่นนี้ การที่โจทก์กล่าวในฟ้องข้อ 2.ว่าจำเลยรับเงินค่าไถ่และคืนกระบือให้แก่ผู้เสียหายในวันที่ 19 เมษายน 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความเป็นวันที่ 18 เมษายน 2507 นั้น ถือว่าเป็นการบรรยายรายละเอียดมิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้คดีลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ข้อ 1. วันที่ 17 เมษายน 2507 เวลากลางวันมีคนร้ายลักกระบือ 1 ตัว ราคา 800 บาท ของนายบุญกัน อุปพงษ์ ผู้มีอาชีพกสิกรรม ซึ่งมีไว้สำหรับใช้ในการประกอบการกสิกรรมไปโดยทุจริต ข้อ 2. วันที่ 19 เมษายน 2507 เวลากลางวันจำเลยได้รับเงินเป็นค่าไถ่กระบือ 200 บาท จากนายบุญกัน แล้วจำเลยนำกระบือของนายบุญกันที่ถูกลักดังกล่าวมามอบนายบุญกันคืนเอาไป ทั้งนี้ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1. จำเลยเป็นคนร้ายลักเอากระบือ 1 ตัวของนายบุญกันไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้น ตามวันเวลาดังกล่าวในข้อ 1. ถึงวันที่ 19 เมษายน 2507 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยรับเอากระบือรายนี้ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของคนร้ายได้มาโดยการกระทำผิดต่อกฎหมายอันเข้าลักษณะลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 และ 357

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาคดีแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ความว่า วันที่ 17 เมษายน 2507 กระบือของนายบุญกันได้หายไป ผู้เสียหายติดตามไปไถ่คืนมาได้จากคนบ้านหนองหอย ในวันที่ 18 เมษายน 2507 ทั้งนี้โดยโจทก์นำสืบว่าผู้เสียหายไถ่มาจากจำเลย แต่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าไถ่มาจากนายเลิกซึ่งอยู่ใกล้บ้านจำเลย คดีมีปัญหาว่า จำเลยเป็นผู้เรียกและรับเงินค่าไถ่กระบือจากผู้เสียหายจริงหรือไม่

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีฟังได้ตามพยานหลักฐานโจทก์ว่าจำเลยได้นำกระบือของผู้เสียหายไปซ่อนแล้วเรียกค่าไถ่จริง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357

ส่วนที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยรับเงินค่าไถ่และคืนกระบือให้แก่ผู้เสียหายในวันที่ 19 เมษายน 2507 แต่ทางพิจารณาได้ความเป็นวันที่ 18 เมษายน 2507 นั้น เห็นว่า เป็นการบรรยายรายละเอียดมิใช่ข้อสารสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ คดีลงโทษจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357

Share