คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 222 แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยเรื่องที่จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีน และคืนธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 140 บาท ของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุก 5 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 12 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีน คืนธนบัตร ที่ใช้ในการล่อซื้อจำนวน 140 บาท ของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท และต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยสองกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จึงไม่ถูกต้อง ในการวินิจฉัยปัญหา ข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยเรื่องที่จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงใหม่ซึ่งได้ความเป็นยุติโดยจำเลยมิได้ฎีกาโต้แย้งว่า ตามวัน เวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 24 เม็ด น้ำหนักรวม 2.150 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจำนวน 2 เม็ด น้ำหนักไม่ปรากฏชัดให้แก่สายลับล่อซื้อในราคา 140 บาท เห็นว่า การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นความผิดซึ่งอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแยกต่างหากจากกันได้ แม้เมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ดที่จำเลยจำหน่ายให้แก่สายลับ ผู้ล่อซื้อจะเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนจำนวน 24 เม็ดที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยได้จำหน่ายไปในเวลาที่ต่อเนื่องกันก็ตาม แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาแยกการมี เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่างหากจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตั้งแต่จำเลยจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนให้แก่ สายลับผู้ล่อซื้อแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 หาใช่เป็นความผิดกรรมเดียวไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟัง ไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share