คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358-1369/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งได้สั่งการตามประกาศของคณะปฏิวัติรื้อห้องแถวที่ให้โจทก์เช่าทั้งหมด มิใช่รื้อเฉพาะส่วนที่รุกล้ำทางสาธารณะนั้น เป็นการทำเกินคำสั่ง ส่วนที่จำเลยทำเกินจะอ้างว่าเป็นนิรโทษกรรมตามกฎหมายไม่ได้ แต่ถ้าโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือไม่ได้รับความเสียหายอันจะเป็นละเมิดแล้ว จำเลยก็หาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่
การที่จำเลยรื้อห้องแถวดังกล่าว ทำให้สามีโจทก์เสียใจไปกระโดดน้ำตาย การที่โจทก์เสียค่าทำศพสามีและไม่ได้ขายสินค้านั้น ความเสียหายนั้นหาได้เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ ฉะนั้น จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดได้ไม่

ย่อยาว

คดีทั้ง ๑๒ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องใจความอย่างเดียวกันว่า โจทก์แต่ละคนได้ออกเงินลงทุนปลูกสร้างห้องแถวไม้ชั้นเดียวในที่ดินที่จำเลยจัดสรร โดยโจทก์ยอมยกห้องแถวดังกล่าวให้จำเลย จำเลยยอมให้โจทก์เข้าอยู่และประกอบการค้าในฐานะผู้เช่า โจทก์ได้ทำสัญญาเช่าและเข้าอยู่โดยมิได้ประพฤติผิดสัญญา จำเลยใช้คนงานทำการรื้อห้องแถวเก็บเอาพัสดุไปอันเป็นการผิดสัญญาเช่าและละเมิด ขอให้ศาลบังคับจำเลยปลูกสร้างห้องแถวให้คืนสภาพเดิมและให้โจทก์เข้าอยู่ต่อไปตามสัญญา มิฉะนั้น ก็ให้จำเลยขอให้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้ทุกสำนวน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยได้รื้อห้องพิพาทตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ต้องประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๔๙ ซึ่งบัญญัติว่า บุคคลใดเมื่อกระทำการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายก็ดี กระทำตามคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หากก่อความเสียหายแก่ผู้อื่นไซร้ ท่านว่าบุคคลนั้นหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทุกสำนวนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทุกสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดิน+อัน+แปลงนี้เป็นที่มีโฉนด เมื่อเทศบาลได้ปลูกแผงลอยและทำถนนหน้าแผงลอยเพื่อให้ประชาชนใช้สัญจร ถือได้ว่าได้อุทิศให้เป็นทางสาธารณแล้วถนนสายนี้จึงเป็นทางสาธารณะแต่นั้นมา การที่ผู้เช่าต่อเติมขยายแผงลอยเข้าไปในถนนภายหลังห้องพิพาทจึงรุกล้ำทางสาธารณซึ่งประชาชนใช้สัญจรแล้ว ดังนั้น คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ที่สั่งให้รื้อถอนหรือตัดทอนอาคารที่ปลูกสร้างไปให้พ้นที่ดินอันเป็นทางสัญจรของประชาชนโดยอาศัยตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๔๔ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยรื้อห้องพิพาททั้งหมด มิใช่รื้อเฉพาะส่วนที่รุกล้ำเป็นการทำเกินคำสั่ง ส่วนที่จำเลยทำเกินจะอ้างว่าเป็นนิรโทษกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔+ มิได้ แต่ห้องที่จำเลยรื้อนี้เป็นของจำเลย จำเลยมีอำนาจรื้อเสียเองในส่วนที่มิได้รุกล้ำทางสาธารณได้หรือไม่ เห็นว่า จำเลยทำให้โจทก์ผู้เช่าเข้าไปอยู่โดยอาศัยสัญญาเช่าแม้ว่าสัญญาเช่าจะสิ้นอายุแล้วก็ตาม จำเลยมีทางที่จะขออำนาจศาลให้พิพากษาขับไล่ผู้เช่าก่อนได้ ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นการป้องกันสิทธิของตนอันเป็นนิรโทษกรรม หากทำให้ผู้ใดเสียหาย เพราะการรื้อห้องพิพาท จำเลยต้องรับผิด
ในทางสัญญา โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายอย่างใดเลย เพราะห้องไม่เป็นเคหะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯและสัญญาเช่าสิ้นอายุไปแล้ว ที่โจทก์อยู่ในห้องพิพาทของจำเลยต่อมาเป็นการอยู่โดยไม่มีสิทธิ ส่วนทางละเมิด แม้จำเลยรื้อห้องแถวเกินคำสั่งอ้างเป็นนิรโทษกรรมไม่ได้ แต่จะเป็นละเมิดต่อเมื่อเกิดความเสียหายต่อสิทธิที่โจทก์มีอยู่ตามกฎหมาย การรื้อห้องแถว จำเลยมิได้ทำให้ร่างกายหรือทรัพย์สินของโจทก์เสียหาย โจทก์อ้างว่าเสียหายเพราะเหตุที่มิได้ใช้ห้องพิพาทนี้ เมื่อโจทก์ไมมีสิทธิจะอยู่ในห้องพิพาท จำเลยก็ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายต่อสิทธิของโจทก์ โจทก์จะเรียกค่าเสียหายจากผลที่โจทก์ละเมิดนั้นหาได้ไม่ เมื่อความเสียหายไม่มีก็ไม่เป็นละเมิด จำเลยหาต้องรับผิดต่อโจทก์ไม่
ที่โจทก์อ้างว่า สามีโจทก์เสียใจ เพราะการที่จำเลยรื้อห้องแถวได้ไปกระโดดน้ำตาย โจทก์ต้องเป็นธุระทำศพสามี เลยไม่ได้ขายสินค้าผักสด ต้องเสียหายเป็นเงิน ๑,๕๐๐ บาทนั้น ความเสียหายที่มิได้ขายผักเกิดจากธุระของโจทก์เอง หาได้เกิดจากการกระทำของจำเลยไม่ สามีโจทก์ไปโดดน้ำตาย ก็เป็นเรื่องการทำตัวเอง การตายของสามีโจทก์ไม่ใช่เป็นผลแห่งการกระทำของจำเลย จะเรียกร้องให้จำเลยรับผิดไม่ได้เช่นกัน
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์

Share