คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1907/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หุ้นส่วนขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด โดยไม่ชำระบัญชี โดยอ้างว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีหนี้สินและทรัพย์สินใด ๆ กันแล้ว นายทะเบียนได้จดทะเบียนเลิกห้างให้ ห้างหุ้นส่วนนั้นสิ้นสภาพนิติบุคคลนับตั้งแต่วันจดทะเบียน แม้ภายหลังปรากฎว่าห้างหุ้นส่วนนั้นไม่ได้ชำระบัญชี และยังมีหนี้สินอยู่ ก็ไม่ทำให้ห้างนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๒ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๐๓ จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์ ๒ จำนวน รวมเป็นเงิน ๙๐,๘๕๒.๐๒ บาท และยังค้างชำระตลอดมาจนถึงขณะนี้ ซึ่งจำเลยที่ ๒,๓ ก็รู้ดีอยู่แล้ว ระหว่างวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ถึง ๑ มีนาคม ๒๕๐๓ จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันแจ้งข้อความซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จต่อนายจิตต์ ทัศนประเสริฐ นายทะเบียนหอทะเบียนหุ้นส่วน บริษัทกลาง กรมทะเบียนการค้า กระทรวงเศรษฐการ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่า ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หมดสิ้นแล้ว จนหนี้สินและทรัพย์สินใด ๆ ไม่มีจึงขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่ชำระบัญชี นายจิตต์ ทัศนประเสริฐ สำคัญผิดหลงเชื่อว่าเป็นความจริง ยอมจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่ชัย จำเลยที่ ๑ โดยไม่ชำระบัญชี เป็นเหตุให้นายทะเบียนหุ้นส่วนกลางและโจทก์ได้รับความเสียหายหรืออาจเสียหายใด ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗,๘๓
ศาลแขวงพระนครเหนือไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒,๓ ส่วนจำเลยที่ ๑ นั้น ได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดโดยไม่มีการชำระหนี้แล้ว จึงสิ้นสภาพความเป็นนิติบุคคลไป ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนในผล
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๖๑ บัญญัติว่า”เมื่อห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้ว ก็ให้จัดการชำระบัญชี เว้นแต่จะได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอืนในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันหรือว่าห้างหุ้นส่วนนั้นศาลได้พิพากษาให้ล้มละลาย” ดังนี้แสดงว่าการเลิกห้างหุ้นส่วนนั้นไม่จำเป็นต้องชำระบัญชีเสมอไปโดยไม่มียกเว้นดังฎีกาของโจทก์เหตุที่จำเลยที่ ๑ ขอจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนนี้ ตามคำขออ้างว่ากิจการค้าขาดทุน และหุ้นส่วนทุกคนไม่ประสงค์ประกอบการค้าต่อไป ที่ขอเลิกห้างหุ้นส่วนโดยไม่มีการชำระบัญชีก็เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันโดยวิธีแบ่งชำระหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้จนหมดสิ้นแล้ว ขณะนี้หนี้สินและทรัพย์สินใด ๆ ไม่มี นายทะเบียนห้างหุ้นส่วนได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ ๑ ให้โดยไม่ต้องชำระบัญชี ก็เพราะคำขอแจ้งว่าไม่มีหนี้สินและทรัพย์สิน จึงฟังได้ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ ๑ ได้เลิกและสิ้นสภาพบุคคลไปแล้วตั้งแต่วันจดทะเบียนเลิกห้าง แม้การขอเลิกห้างจะไม่ได้ชำระบัญชี ก็ไม่ทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นคงมีสภาพเป็นนิติบุคคลต่อไป
เมื่อห้างนี้ไม่มีสภาพเป็นบุคคลเสียแล้วขณะที่โจทก์ฟ้อง ก็ไม่มีฐานะอันชอบที่โจทก์จะฟ้องเป็นจำเลยได้ ฉะนั้น ฎีกาของโจทก์ที่ว่านิติบุคคลย่อมกระทำผิดทางอาญาดังฟ้องได้หรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไป
พิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๑ ยกฎีกาโจทก์

Share