คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13553/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กำหนดระยะเวลาบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 ที่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งได้ภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น หมายถึงวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2543 โจทก์ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันที่ 14 มีนาคม 2544 คดีจึงเป็นที่สุดเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของวันสุดท้ายที่โจทก์อาจยื่นอุทธรณ์ได้ คือวันที่ 14 มีนาคม 2544 ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง เมื่อโจทก์ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมในวันที่ 8 มีนาคม 2554 จึงยังอยู่ภายในสิบปี นับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2543 ให้จำเลย ทั้งสามชำระเงิน 2,743,832.83 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,120,786.45 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 30 กันยายน 2542) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 11249 ตำบลเปือย อำเภอลือเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ และ น.ส.3 ก. เลขที่ 28, 105 ตำบลเชียงเพ็ง อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร พร้อมสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์จำนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ หากได้เงินไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามบังคับชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ กับให้จำเลยทั้งสามใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 4,000 บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตถึงวันที่ 14 มีนาคม 2544 แต่โจทก์มิได้ยื่นอุทธรณ์
โจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับแก่จำเลยทั้งสาม เจ้าพนักงานศาลส่งคำบังคับให้แก่จำเลยทั้งสามโดยวิธีปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสามในวันที่ 16 กรกฎาคม 2544 โจทก์ขอออกหมายบังคับคดี
ระหว่างการบังคับคดี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ยื่นคำร้องขอเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อมโจทก์เดิม ศาลชั้นต้นอนุญาตโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 ออกขายทอดตลาดแต่ได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระ โจทก์สืบหาทรัพย์และพบที่ดินของจำเลยที่ 2 จำนวน 10 แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 1827, 14815, 14817, 25231, 25235 ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1910, 1948 2383, 4514 และที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 565 ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ โจทก์จึงยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2554 ขอยึดทรัพย์เพิ่มเติม เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งงดดำเนินการให้เพราะโจทก์ยื่นคำแถลงเมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด
โจทก์ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีและให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดที่ดิน 10 แปลง ของจำเลยที่ 2 เพื่อบังคับคดีต่อไป
จำเลยที่ 2 ยื่นคำคัดค้าน
ศาลชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่งดดำเนินการตามคำแถลงขอยึดทรัพย์เพิ่มของโจทก์ และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีแก่ที่ดินของจำเลยที่ 2 ตามกฎหมายต่อไป คำขออื่นให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์และยื่นคำร้องขอแก้ไขชื่อสกุลของจำเลยที่ 2 ในคำสั่งของศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีของโจทก์ และคำร้องขอแก้ไขชื่อสกุลของจำเลยที่ 2 ในคำสั่งของศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์ดำเนินการบังคับคดีภายในสิบปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 หรือไม่ เห็นว่า กำหนดระยะเวลาบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ที่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งได้ภายในสิบปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น หมายถึงวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2543 โจทก์ขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษา ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ถึงวันที่ 14 มีนาคม 2544 คดีจึงเป็นที่สุดเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของวันสุดท้ายที่โจทก์อาจยื่นอุทธรณ์ได้คือวันที่ 14 มีนาคม 2544 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง เมื่อโจทก์ร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เพิ่มเติมในวันที่ 8 มีนาคม 2554 จึงยังอยู่ภายในสิบปี นับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุด ศาลอุทธรณ์ยกคำร้องของโจทก์ดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ

Share