แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้เจตนาจะพยุงฐานะของลูกหนี้แม้จะกระทำโดยสุจริตก็ตาม เมื่อหนี้ที่ก่อขึ้นนี้เป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว จึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ไม่ได้ตามมาตรา 94(2) แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แม้คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไม่มีผู้ใดโต้แย้ง แต่ถ้าตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปรากฎว่าเป็นหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลก็มีอำนาจยกคำขอรับชำระหนี้ได้ตามมาตรา 94 ประกอบด้วยมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
ย่อยาว
คดีนี้มูลกรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2536และมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 61 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2537 เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน1,091,232.88 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ รายละเอียดปรากฎตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 104 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เห็นว่า เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้ก่อหนี้โดยรู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวและมีเจตนาพยุงฐานะของลูกหนี้จึงเป็นหนี้ที่ต้องห้ามมิให้ขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 94(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 107(1)
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก้อุทธรณ์เอง มิได้แต่งทนายความแก้อุทธรณ์ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ในข้อแรกว่า หนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้เป็นหนี้เมื่อรู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ เห็นว่า ตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปรากฎว่าเจ้าหนี้ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คของลูกหนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะเช็คตามเอกสารหมาย จ.พ.ท.1 และ จ.พ.ท.2ซึ่งมีเงินตามเช็คถึง 3,700,000 บาท และเช็คตามเอกสารหมายจ.พ.ท.1 เจ้าหนี้ได้ปฏิเสธการจ่ายเงินมา 2 ครั้ง ก่อนที่เจ้าหนี้จะรับซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากลูกหนี้เป็นเวลาเกือบ 5 เดือนเจ้าหนี้จะอ้างว่าไม่รู้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวหาได้ไม่ และปรากฎว่าตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลูกหนี้นำไปขายลดให้แก่เจ้าหนี้จำนวน 2 ฉบับ เป็นเงินรวม 2,000,000 บาท แต่มีนายชาตรีทำสัญญาค้ำประกันโดยมีเงินฝากสะสมทรัพย์เป็นประกันด้วยเพียง1,000,000 บาท ส่วนโฉนดที่ดินที่ลูกหนี้มอบให้นั้นเจ้าหนี้ก็ไม่ได้นำไปจดทะเบียนจำนองแต่อย่างใด ส่อแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้เจตนาจะพยุงฐานะของลูกหนี้แม้จะกระทำโดยสุจริตก็ตาม เมื่อหนี้ที่ก่อขึ้นนี้เป็นหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้ล้นพ้นตัวจึงเป็นหนี้ที่ขอรับชำระหนี้ไม่ได้ตามมาตรา 94(2) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ในข้อต่อไปมีว่าคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไม่มีผู้ใดโต้แย้งจะยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า แม้คำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไม่มีผู้ใดโต้แย้ง แต่ถ้าตามทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปรากฎว่าเป็นหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลก็มีอำนาจยกคำขอรับชำระหนี้ได้ตามมาตรา 94 ประกอบด้วยมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
พิพากษายืน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แก่ฎีกาเอง จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้