คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1352/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองให้จำเลยฎีกาว่า ‘ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีเหตุอันควรฎีกาในข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้ฎีกา’ คำรับรองดังกล่าวไม่ปรากฏข้อความว่าได้พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นข้อใดเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกาจึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบด้วยกฎหมาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12, 15 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 พระราชบัญญัติการพนัน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2504 มาตรา3 จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 เดือน ริบของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นว่า ในการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง ศาลต้องตั้งกำหนดโทษที่จะลงเสียก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 54 แล้วจึงเพิ่มหรือลด เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ตั้งกำหนดโทษ จึงไม่ถูกต้อง ส่วนที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์เรื่องการลงโทษและริบของกลางนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจลงโทษและริบของกลางเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดีแล้วพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 4 เดือนจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 2 เดือนนอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นบันทึกว่า ‘ฎีกาของจำเลยทั้งสองมีเหตุอันควรฎีกาในข้อเท็จจริงได้ จึงรับรองให้ฎีกา’
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘เห็นว่าตามคำรับรองให้ฎีกาของผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นไม่ปรากฏข้อความว่าได้พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นข้อใดเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกา เพียงแต่บันทึกว่ามีเหตุอันควรฎีกาและรับรองให้ฎีกามาลอยๆ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงโดยชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย’
พิพากษายกฎีกาของจำเลยทั้งสอง.

Share