คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3128/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่พอใจโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ใช้ให้บุตรจำเลยทำงานในหน้าที่คนงานเป็นเหตุให้บุตรจำเลยลาออกจากงาน วันเกิดเหตุจำเลยมาหาโจทก์ร่วมแสดงอาการไม่พอใจโดยพูดจาต่อว่าโจทก์ร่วม ภริยาจำเลยได้พาจำเลยกลับไป ต่อมาจำเลยกลับมาหาโจทก์ร่วมอีกแล้วใช้เหล็กมีคมปลายแหลมแทงโจทก์ร่วมแต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจำเลยตั้งใจแทงโจทก์ร่วมที่ใดอันเป็นอวัยวะสำคัญ เพียงแต่ปรากฏบาดแผลที่ปลายแขนซ้ายลึกประมาณ 2นิ้ว รักษาเพียง 14 วันก็หาย ดังนี้ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2527 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยใช้เหล็กสามเหลี่ยมปลายแหลมมีคมทั้งสามด้านเป็นอาวุธแทงประทุษร้ายนายแพทย์สาธิต ไผ่ประเสริฐ ผู้เสียหาย(โจทก์ร่วม) โดยเจตนาฆ่าแต่ผู้เสียหายปัดป้องและมีผู้เข้าช่วยเหลือ จึงเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดแผลที่บริเวณท่อนแขน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 ให้จำคุก 10 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา295 ให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้ภายในกำหนด 1 ปี ไม่ชำระราคาปรับให้กักขังแทน
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยเพียงแต่มีเรื่องไม่พอใจโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอทุ่งใหญ่ที่โจทก์ร่วมใช้ให้บุตรจำเลยซึ่งเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลทำงานในหน้าที่คนงานทำให้บุตรจำเลยลาออกจากงานไม่มีเรื่องอื่นอันเป็นสาเหตุร้ายแรงที่จำเลยจะฆ่าโจทก์ร่วม วันเวลาเกิดเหตุจำเลยได้มาที่คลินิกของโจทก์ร่วม แสดงอาการไม่พอใจโดยพูดจาต่อว่าโจทก์ร่วมทำนองว่าโจทก์ร่วมบีบบังคับทำให้บุตรจำเลยลาออกจากงานเพื่อจะเอาผู้อื่นมาทำงานแทนก่อน แล้วภริยาจำเลยเข้ามาพาจำเลยออกไป ต่อมาจำเลยจึงได้มาที่คลินิกของโจทก์ร่วมอีกแล้วใช้เหล็กมีคมปลายแหลมแทงโจทก์ร่วม แม้อาวุธที่จำเลยใช้แทงทำร้ายโจทก์ร่วม อาจทำอันตรายแก่กายสาหัสถึงแก่ชีวิตได้แต่ก็ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าจำเลยตั้งใจแทงโจทก์ร่วมที่ใดอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญที่อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ เมื่อจำเลยจะแทงทำร้ายโจทก์ร่วมอีกก็มีผู้อื่นเข้ามาห้ามพฤติการณ์เพียงเท่าที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมายังไม่พอให้รับฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมอันจะเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น โจทก์ร่วมถูกทำร้ายมีบาดแผลที่แขน รักษาเพียง 14 วันก็หาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share