แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ยึดสินค้าของโจทก์ไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินการริบตาม พ.ร.บ. ศุลกากร ฯ มาตรา 60 สินค้าดังกล่าวจึงอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 กรณีหาใช่เพียงแต่อยู่ในความรักษาหรือตรวจตราดูแลของจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร ฯ มาตรา 117 ไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 เห็นว่าโจทก์กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร ฯ มาตรา 99 เท่านั้น และยอมให้โจทก์ส่งสินค้าดังกล่าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องคืนสินค้าดังกล่าวแก่โจทก์ เมื่อสินค้าสูญหาย จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระราคา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันคืนสินค้าแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๗๑,๑๕๔.๒๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสามให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ คืนเส้นด้ายฝ้ายใยสั้นตามใบขนสินค้าขาออกเลขที่ ๑๐๖๔ – ๓ – ๑๒๔๓ ถึง ๑๐๖๔ – ๓ – ๑๒๔๖ รวมน้ำหนัก ๙๒๙.๘๑ กิโลกรัม แก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๑๗๑,๑๕๔.๒๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๓๕ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคิดถึงวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๓๗ ให้ได้ไม่เกิน ๓๘,๕๐๙.๗๐ บาท ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๔,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์นำสินค้าเส้นด้ายฝ้ายใยสั้นเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาโจทก์ส่งสินค้าดังกล่าวคืนแก่ผู้ขายที่เมืองฮ่องกงทางเรือ จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของจำเลยที่ ๑ ร่วมกันตรวจสินค้าดังกล่าว แล้วดำเนินคดีแก่โจทก์ในความผิดฐานยื่นคำขออันเกี่ยวกับของอันเป็นเท็จเป็นการทุจริตเพื่อขอคืนอากรขาเข้า ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. ๒๔๖๙ มาตรา ๖๐ , ๙๙ โจทก์อุทธรณ์ต่อจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ พิจารณาแล้วให้โจทก์ทำความตกลงระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยเปรียบเทียบปรับ ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วให้โจทก์ส่งสินค้ากลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ โจทก์ชำระค่าปรับแล้ว แต่เมื่อไปขอรับสินค้าคืน ปรากฏว่าสินค้าสูญหายไป พยานจำเลยทั้งสามผู้ร่วมตรวจสินค้าเบิกความว่า พยานกับพวกตรวจยึดสินค้าดังกล่าวแล้วพยานนำไปฝากไว้ในตู้เก็บสินค้าของบริษัทผู้รับบรรจุสินค้าโดยผนึกตะกั่วประทับตราของจำเลยที่ ๑ ไว้ การเปิดตู้เก็บสินค้าจะกระทำมิได้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากจำเลยที่ ๑ ก่อน และถือว่าสินค้าดังกล่าวอยู่ในความอารักขาของจำเลยที่ ๑ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ ยึดสินค้าดังกล่าวไว้เป็นของกลางเพื่อดำเนินการริบตามมาตรา ๖๐ สินค้าดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๑ กรณีหาใช่เพียงแต่อยู่ในความรักษาหรือตรวจตราดูแลของจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๑๑๗ ไม่ เมื่อจำเลยที่ ๑ เห็นว่าโจทก์กระทำความผิดตามมาตรา ๙๙ เท่านั้น และยอมให้โจทก์ส่งสินค้าดังกล่าวกลับออกไปนอกราชอาณาจักรได้ จำเลยที่ ๑ จึงต้องคืนสินค้าดังกล่าวแก่โจทก์ ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกาจึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้.