คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1334/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยจะทำร้ายบุตรของผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าไปขัดขวาง จำเลยผลักผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายล้มลง ดังนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลว่า เมื่อผู้เสียหายล้มลงแล้ว ผู้เสียหายจะได้รับผลอย่างไร ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ย่อมเป็นผลแห่งการกระทำโดยเจตนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสทุพพลภาพด้วยอาการทุกขเวทนา และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์ร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 3 ปี ลดตามมาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยกับบุตรของผู้เสียหายมีปากเสียงกัน แล้วจำเลยไล่ทำร้ายไปทางบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายเข้าขัดขวางเพื่อห้ามจำเลยไม่ให้ทำร้าย จึงถูกจำเลยผลัดหรือปัดจนทำให้ผู้เสียหายล้มลง

จำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายหรือไม่ อาจทราบได้จากการกระทำของจำเลย จำเลยใช้กำลังทำต่อผู้เสียหายเพื่อมิให้ผู้เสียหายขัดขวางจำเลย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายล้มลงจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า เมื่อผู้เสียหายล้มลงแล้วผู้เสียหายจะได้รับผลอย่างไร ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ จึงเป็นผลแห่งการกระทำโดยเจตนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 2

พิพากษายืน

Share