คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 เป็นเงินที่วางเพื่อเป็นประกันว่าหากในที่สุดศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ผู้อุทธรณ์ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมแทนคู่ความที่ชนะคดีแล้วผู้ชนะคดีจะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใช้ก่อนจากเงินที่ผู้อุทธรณ์วางไว้ได้โดยผู้ชนะคดีไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดี ดังนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้โจทก์เป็นผู้ชนะคดีและให้จำเลยผู้อุทธรณ์รับผิดในค่าธรรมเนียมแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยวางไว้ต่อศาลเพื่อชำระค่าธรรมเนียมที่จำเลยต้องใช้ให้แก่ตนได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อจะขายโดยไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 65107 แก่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยไถ่ถอนจำนองและโอนที่ดินแปลงดังกล่าวแก่โจทก์พร้อมกับรับค่าที่ดินที่ค้างอยู่อีก 305,600 บาท จากโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนจำนอง จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 65107 ตำบลท่าทอง อำเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก แก่โจทก์ พร้อมทั้งรับเงินค่าที่ดินอีก 305,600 บาทจากโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากจำเลยไม่สามารถไถ่ถอนจำนองและโอนกรรมสิทธิ์ได้ให้คืนเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับค่าเสียหายอีก 50,000 บาทให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ10,000 บาท จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน คดีถึงที่สุด

ต่อมาวันที่ 2 สิงหาคม 2542 โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับค่าธรรมเนียมซึ่งจำเลยนำมาวางศาลไว้ใช้แทนแก่โจทก์ตามคำพิพากษา

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำแถลง

โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงประเด็นเดียวว่า โจทก์ในฐานะผู้ชนะคดีจะขอรับเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจำเลยในฐานะผู้อุทธรณ์ได้นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ได้หรือไม่เห็นว่า เงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาที่ผู้อุทธรณ์นำมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 นั้น เป็นเงินที่วางเพื่อเป็นประกันว่าหากในที่สุดศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลย ผู้อุทธรณ์ต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมแทนคู่ความที่ชนะคดีแล้ว ผู้ชนะคดีจะมีสิทธิได้รับค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใช้ก่อนจากเงินที่จำเลย ผู้อุทธรณ์วางไว้ได้ โดยผู้ชนะคดีไม่จำต้องดำเนินการบังคับคดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้โจทก์เป็นผู้ชนะคดีและให้จำเลยรับผิดในค่าธรรมเนียมแล้ว จำเลยย่อมมีความรับผิดที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะขอรับเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยผู้อุทธรณ์วางไว้ต่อศาลเพื่อชำระค่าธรรมเนียมที่จำเลยต้องใช้ให้แก่ตนได้ เพราะมิฉะนั้นแล้วเงินจำนวนดังกล่าวก็จะต้องคืนให้แก่จำเลยผู้อุทธรณ์ ซึ่งย่อมไม่เป็นประโยชน์อันใดที่กฎหมายจะบังคับให้วางเงินค่าธรรมเนียมเช่นว่านั้นต่อศาล ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำแถลง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้จ่ายค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งที่จำเลยวางไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ให้แก่โจทก์

Share