คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีต่อศาลนั้นตามปกติย่อมเป็นการกระทำโดยชอบเพราะเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิของตนทางศาลอันเป็นสิ่งที่กฎหมายอนุญาต การใช้สิทธิเช่นนี้ไม่เป็นการผิดกฎหมายแต่อย่างใด เว้นไว้แต่จะปรากฏว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่สุจริต มิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล หากแต่จงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยใช้ศาลเป็นเครื่องกำบัง
(อ้างคำพิพากษาที่ 146/2480)
จำเลยฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จเพราะโจทก์เบิกความในคดีก่อนสองครั้งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์เบิกความว่าได้ยื่นคำขอจดทะเบียน (เครื่องหมายการค้า) เพิ่มเติมอีกเป็นชุดได้รับอนุญาตแล้ว ซึ่งความจริงทางราชการยังไม่ได้รับจดทะเบียนให้ ส่วนชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความว่ายังไม่ได้รับจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุด คำเบิกความของโจทก์ดังกล่าวมีมูลให้จำเลยเข้าใจว่าโจทก์เบิกความเท็จ มิใช่เป็นการปั้นเรื่องขึ้นฟ้องแม้ศาลจะพิพากษายกฟ้อง โดยเห็นว่าคำเบิกความของโจทก์มิใช่ข้อสำคัญในคดีและเป็นคำบอกเล่ามา แต่คำเบิกความของโจทก์จะเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันจำเลยอาจเห็นว่าเป็นข้อสำคัญในคดีก็ได้เมื่อโจทก์จำเลยอ้างแต่สำนวนคดีอาญาเป็นพยาน ย่อมไม่พอที่จะให้เห็นว่าการที่จำเลยฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จนั้น เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันจะเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นโจทก์ฟ้อง โจทก์หาว่าให้การชั้นไต่สวนมูลฟ้องและชั้นพิจารณาในคดีอาญาแดงที่ 2671/2509 เป็นความเท็จ การฟ้องของจำเลยเป็นการฟ้องเท็จและแกล้งฟ้องโดยเจตนาจะให้โจทก์ได้รับโทษในคดีอาญา เป็นเหตุให้ศาลอาญาสั่งว่าคดีมีมูลทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติ ฐานะ อาชีพและวงการสังคมอย่างแรงและเป็นการโฆษณาหมิ่นประมาทโดยใช้สิทธิทางศาลอันมิชอบ เป็นการละเมิด ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยต่อสู้ว่า ข้อความที่จำเลยฟ้องเป็นความจริง จึงไม่เป็นการทำละเมิด

วันนัดชี้สองสถาน จำเลยรับว่าโจทก์ได้เสียค่าเช่าโฉนดและค่าทนายความในคดีอาญาเป็นเงิน 5,000 บาทจริง เรื่องค่าเสียหายทางเกียรติคุณ โจทก์ขออ้างเอกสารเกี่ยวกับประวัติการรับราชการของโจทก์เท่านั้น โจทก์จำเลยต่างแถลงขออ้างสำนวนคดีอาญาแดงที่ 2671/2509 ของศาลแขวงพระนครใต้และสำนวนคดีอาญาแดงที่ 3715/2511 ของศาลอาญาโดยไม่ติดใจสืบพยานบุคคล

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาแกล้งฟ้องโจทก์และหมิ่นประมาทโจทก์ เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 15,000 บาท

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองได้ฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จในคดีก่อน คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะถ้อยคำของโจทก์ที่เบิกความในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2671/2509 ของศาลแขวงพระนครใต้นั้น หาใช่ข้อสำคัญในคดีและเป็นคำบอกเล่ามา ถึงแม้ข้อความนั้นจะไม่เป็นความจริงก็ไม่ผิดฐานเบิกความเท็จ ปัญหามีว่า การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เคยมีคำพิพากษาฎีกาที่ 146/2480 ระหว่าง นายลิ้ม แซ่แต้ นางเง็ก แซ่แต้ โจทก์ นายหลิม เซ็งเต็ง จำเลยวินิจฉัยไว้ว่า การฟ้องคดีต่อศาลนั้น ตามปกติย่อมเป็นการกระทำโดยชอบเพราะเป็นการที่จำเลยใช้สิทธิของตนทางศาลอันเป็นสิ่งที่กฎหมายอนุญาต การใช้สิทธิเช่นนี้ ไม่เป็นการผิดกฎหมายแต่อย่างใด เว้นไว้แต่จะปรากฏว่าจำเลยกระทำไปโดยไม่สุจริต มิได้หวังผลอันเป็นธรรมดาแห่งการใช้สิทธิทางศาล หากแต่จงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายโดยใช้ศาลเป็นเครื่องกำบัง

แต่คดีนี้ เมื่อพิจารณาสำนวนคดีอาญาที่โจทก์และจำเลยทั้งสองอ้างเป็นพยานร่วมกันดังกล่าว ไม่พอที่จะฟังว่าจำเลยทั้งสองใช้สิทธิของตนโดยไม่สุจริตแต่ประการใด การที่จำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์ฐานเบิกความเท็จก็เพราะโจทก์เบิกความในคดีก่อน 2 ครั้ง ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์เบิกความว่า “ที่ว่าได้ยื่นคำขอจดทะเบียนเพิ่มเติมอีกเป็นชุดนั้น ได้รับอนุญาตแล้ว โดยได้รับอนุญาตหลังฟ้องคดีนี้” ซึ่งความจริงทางราชการยังไม่ได้รับจดทะเบียนให้ ส่วนชั้นพิจารณาโจทก์เบิกความว่า “คำขอ จ.21 ถึง จ.26 ยังไม่ได้จดทะเบียนเป็นเครื่องหมายชุดได้” แต่โจทก์ก็ยอมรับโดยปริยายในคำให้การที่โจทก์ถูกฟ้องฐานเบิกความเท็จว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้อนุญาตเป็นแต่โจทก์ถือเอาตามคำนายเลี่ยม พิทักษ์หมู่ ชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3715/2511 ของศาลอาญา ซึ่งเบิกความไว้ว่า แม้ยังไม่มีการรับจดทะเบียนก็ใช้เครื่องหมายการค้านั้นได้ แต่ไม่มีสิทธิใช้คำว่า “เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน” ว่าเท่ากับเป็นการอนุญาตคำเบิกความของโจทก์ดังกล่าวจึงมีมูลทำให้จำเลยทั้งสองเข้าใจว่าโจทก์เบิกความเท็จ มิใช่เป็นการปั้นเรื่องขึ้นฟ้อง ส่วนที่ว่าคำเบิกความของโจทก์ในคดีเรื่องก่อนเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่นั้นเป็นข้อกฎหมายอันจำเลยทั้งสองอาจเห็นว่าเป็นข้อสำคัญในคดีก็ได้ศาลฎีกาจึงเห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองฟ้องโจทก์ในเรื่องเบิกความเท็จไม่พอที่จะให้เห็นว่าเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตอันจะเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์

พิพากษายืน

Share