คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3220/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าซื้อรถยนต์มาจากเจ้าของรถ ขณะที่ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบจำเลยได้นำรถนั้นไปขายให้กับโจทก์โดยให้โจทก์ผ่อนชำระเป็นงวดๆ ต่อมาจำเลยไม่ชำระค่าเช่าซื้อ เจ้าของรถได้มายึดเอารถยนต์ไป ถือว่าได้มีการรอนสิทธิเกิดขึ้น ทำให้จำเลยไม่สามารถจะส่งมอบและจัดการให้โจทก์ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ได้ ทั้งนี้เพราะความผิดของจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475
เมื่อโจทก์ผู้ซื้อถูกรอนสิทธิ จำเลยซึ่งเป็นผู้ขายต้องรับผิดในการคืนราคารถยนต์ที่จำเลยรับชำระไปจากโจทก์ ส่วนเงินที่โจทก์ได้รับประโยชน์จากการใช้รถพิพาทและเงินที่โจทก์ได้รับจากการขายรถนั้นให้บุคคลอื่น ไม่ใช่เงินค่ารถยนต์ที่จำเลยจะต้องส่งคืน. จะนำมาคิดหักกันไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขายรถยนต์ให้โจทก์ 1 คัน จำเลยได้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์แล้ว และโจทก์ได้ชำระราคาในวันทำสัญญา 10,000 บาทที่เหลือจะผ่อนชำระเดือนละ 2,500 บาท โจทก์ได้ผ่อนชำระราคารถให้จำเลยไปแล้วยังไม่ครบ โจทก์ได้ขายรถยนต์คันนี้ให้กับนายมานิตย์อีกต่อหนึ่ง ได้ส่งมอบรถยนต์ให้นายมานิตย์ไปแล้ว ระหว่างที่นายมานิตย์ยังชำระราคาค่าซื้อรถให้โจทก์ไม่ครบ ห้างหุ้นส่วนจำกัดย่งเซ่งฮวดได้ยึดรถยนต์คันนี้ไปจากนายมานิตย์โดยอ้างว่าจำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์จึงทราบว่าจำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ และต่อมานายมานิตย์ได้ฟ้องโจทก์เรียกเงินค่าซื้อรถที่ชำระแล้วกับค่าเสียหาย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินราคารถที่รับไปแล้ว 45,000 บาท และให้ใช้ค่าเสียหายอีกวันละ 200 บาท นับแต่วันฟ้องจนกระทั่งชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า จำเลยเช่าซื้อรถคันนี้มาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดย่งเซ่งฮวดแต่ชำระค่าเช่าซื้อยังไม่ครบ จึงขอคืนให้ผู้ให้เช่าซื้อผู้ให้เช่าซื้อไม่ยอมรับคืน กลับอนุญาตให้จำเลยขายต่อได้ จำเลยจึงขายให้โจทก์เพื่อเอาเงินไปผ่อนชำระให้ผู้ให้เช่าซื้อต่อไปซึ่งโจทก์รู้ความข้อนี้ดีในเวลาตกลงซื้อขาย และสมัครใจรับซื้อโดยไม่อิดเอื้อน โจทก์ไม่สุจริตที่นำรถไปขายให้นายมานิตย์ โดยไม่ได้บอกกล่าวหรือได้รับความยินยอมจากจำเลย โจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์ในรถคันนี้ขณะที่ซื้อ ถ้าไม่รู้ก็เป็นความประมาทของโจทก์เองจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นความรับผิดไม่ได้ค่าเสียหายที่เรียกร้องมากเกินไปหากต้องเสียหายก็เป็นความผิดของโจทก์เอง

ห้างหุ้นส่วนจำกัดย่งเซ่งฮวดซึ่งถูกศาลเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมให้การว่า จำเลยได้เช่าซื้อรถยนต์ตามฟ้องไปจากจำเลยร่วมแล้วผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองคราวติดกันและผิดสัญญาข้ออื่น ๆ อีกจำเลยร่วมจึงไปยึดรถมาจากนายมานิตย์ซึ่งจำเลยร่วมทราบว่าเป็นผู้ซื้อมาจากจำเลย จำเลยร่วมไม่เคยอนุญาตให้จำเลยขายรถยนต์แก่บุคคลอื่น

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายเพราะเหตุการรอนสิทธิซึ่งโจทก์รู้อยู่แล้วในเวลาซื้อขาย แต่จำเลยต้องคืนเงินที่รับชำระไปแล้วแก่โจทก์ สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดย่งเซ่งฮวดจำเลยร่วมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 45,000 บาทให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ได้ครอบครองใช้รถพิพาทเป็นเวลา 126 วัน จึงควรนำค่าที่โจทก์ได้รับประโยชน์ในการใช้รถมาหักออกจากเงินค่าขายรถที่จำเลยต้องคืนให้โจทก์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ให้จำเลยคืนเงิน 32,500 บาทแก่โจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาพิจารณาแล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าขณะทำสัญญาซื้อขายรถคันที่ตกลงซื้อขายยังอยู่ในระหว่างเช่าซื้อ ชำระราคายังไม่ครบถ้วนจำเลยยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มา แต่โจทก์พอใจรับซื้อไว้ทั้ง ๆ ที่รู้ความจริง จำเลยจึงไม่มีหน้าที่รับผิดต่อโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์จำเลยได้ตกลงซื้อขายรถรายพิพาทกันจริง โดยฝ่ายโจทก์รับมอบรถยนต์ไปและมีเงื่อนไขว่าผู้ซื้อจะต้องชำระราคาให้ครบถ้วนเสียก่อนผู้ขายจึงจะโอนทะเบียนให้ ในการนี้ได้มีการรอนสิทธิ์เกิดขึ้นโดยจำเลยร่วมได้มายึดเอารถยนต์ไป จึงทำให้จำเลยไม่สามารถจะส่งมอบและจัดการให้โจทก์ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ทั้งนี้เพราะความผิดของจำเลย จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องรับผิดตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475

ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จะต้องหักเงินที่โจทก์ได้รับจากนายมานิตย์30,000 บาท ออกจากยอดเงินที่โจทก์จะได้รับคืนจากจำเลยด้วยนั้นเห็นว่าเมื่อโจทก์ถูกรอนสิทธิ จำเลยซึ่งเป็นผู้ขายต้องรับผิดในการคืนราคารถยนต์ เงินค่ารถยนต์ที่จำเลยได้รับชำระไปจากโจทก์มีจำนวน 45,000 บาท ส่วนเงินที่โจทก์ได้รับประโยชน์จากการใช้รถพิพาทและเงินที่โจทก์ได้รับจากนายมานิตย์ 30,000 บาทก็ดีไม่ใช่เงินค่ารถยนต์ที่จำเลยจะต้องส่งคืน ที่ศาลอุทธรณ์หักเงินที่โจทก์ได้รับประโยชน์ให้จำเลย นับว่าเป็นผลดีแก่จำเลยอยู่แล้ว

พิพากษายืน

Share