คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชานเรือนแม้จะไม่มีลูกกรง ล้อมรอบหรือมีประตูก็ยังนับว่าเป็นเคหะสถานตามความหมายแห่งมาตรา 6 ข้อ 14 วิธีพิจารณาอาชญา

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยให้การรับว่าจำเลยกับพวกได้สมคบกันมีศาสตราวุธลักเรือบดของ ซ.ซึ่งเอาไว้ที่นอกชานเรือนไปโดยเจ้าทรัพย์มิได้รับอนุญาต
ศาลเดิมตัดสินว่าชานเรือนที่จะนับว่าเป็นเคหะสถานได้ต้องได้ความว่าเป้นนอกชานที่มีประตูและลูกกองหรือรั้วรอบตามฎีกาที่ ๗๒๐/๒๔๖๗ เมื่อคดีนี้ไม่ปรากฎข้อความดังกล่าวแล้วจึงไม่นับว่าเป็นเคหะสถาน ถ้าจะถือว่าชานเรือนเป็นเคหะสถานก็ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ขึ้นไปบนชานเรือน จำเลยอาจเอื้อมมือหยิบยกโดยไม่ต้องขึ้นไปบนชานก็ได้ จึงให้ลงโทษตามมาตรา ๒๙๓
ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนอ้างตามนัยฎีกาที่ ๗๒๐/๒๔๖๗
ศาลฎีกาเห็นว่าชานเรือนเป็นของต่อเนื่องกับเคหะสถานจึงนับว่าเป็นเคหะสถานตามความหมายของมาตรา ๖ ข้อ ๑๔ ไม่จำต้องมีรั้วรอบหรือมีลูกกรง ประตู แลฎีกาที่ ๗๒๐/๒๔๖๗ ก็มุ่งวินิจฉัยทำนองเดียวกับคดีนี้ แต่บังเอิญคดีนั้นนอกชานมีลูกกรงรอบแลมีประตูด้วย แต่ก็คงเป็นนอกชานซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเคหะสถาน ข้อที่ศาลเดิมว่าแม้จะถือว่าชานเรือนเป็นเคหะสถานก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยขึ้นไปบนชาน ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยรับว่าจำเลยได้ลักทรัพย์บนชานเรือนก็ต้องแปลว่าจำเลยได้เข้าหรือขึ้นไปลักที่ชานเรือน จะถือว่าจำเลยอยู่ข้างล่างไม่ได้ จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามมาตรา ๒๙๕

Share