คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สิทธิของบุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้นมิเสียไป แม้จะได้ความว่า ทรัพย์ที่ซื้อไม่ใช่เป็นของจำเลยหรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ดี เว้นแต่การซื้อขายนั้นจะไม่สุจริต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ซื้อที่ดินหมาย ก.ข.ค. จากการขายทอดตลาดของศาลจังหวัดปากพนังในคดีแพ่งเลขแดงที่ 95/2489 ได้รับโอนที่ดินรายนี้ตามหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วจำเลยขัดขืนไม่ยอมออกจากที่นี้ และยังทำนาในที่นี้ ทำให้โจทก์ขาดผลประโยชน์ จึงขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นทรัพย์ของจำเลยที่ 1 นางหวีจำเลยในคดีก่อนเป็นผู้แพ้คดีแก่โจทก์ ไม่ใช่เป็นเจ้าของทรัพย์ที่พิพาท

ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของนายแคล้วลูกหนี้โจทก์เป็นภรรยานายแคล้วโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จึงไม่มีสิทธิได้รับมรดกของนายแคล้ว โจทก์ฟ้องเรียกหนี้สินของนายแคล้วจากนางพั่วซึ่งไม่ใช่เป็นทายาทของนายแคล้ว ไม่ได้ และการที่นางพั่วลูกหนี้โจทก์รับสมอ้างว่าเป็นผู้ได้รับมรดก ทำยอมใช้เงินแก่โจทก์จนได้ยึดทรัพย์พิพาทและขายทอดตลาด จึงตกเป็นโมฆะ พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เป็นเรื่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1330 ถ้าโจทก์ซื้อโดยสุจริตโดยเชื่อว่า นางพั่วเป็นภรรยาและเป็นทายาทรับมรดก สิทธิของโจทก์ก็ไม่เสียไป จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องการซื้อขายทรัพย์สินในการขายทอดตลาดคำสั่งของศาล ได้มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 จึงเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ คงพิพากษายืน

Share