แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์กู้เงินเอานาไม่มีหนังสือสำคัญให้สามีจำเลยยึดไว้เป็นประกัน สัญญาว่าจะใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยในวันที่แน่นอน และมีกำหนด 1 เดือน ถ้าไม่ชำระยอมยกนานั้นให้เป็นกรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่ใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยในกำหนดดังกล่าว จำเลยครอบครองนาพิพาทถึงบัดนี้ได้ 6 ปีเศษแล้ว ดังนี้ ถือว่าโจทก์สละการครอบครองยกนาพิพาทให้จำเลยแทนการชำระหนี้แล้ว จะเรียกคืนไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 420/2490)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2485 โจทก์ได้ทำสัญญากู้เงิน ส. สามีจำเลย มอบที่นาส่วนหนึ่งให้จำเลยทำต่างดอกเบี้ย กำหนดใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยใน 1 เดือน ครบกำหนดโจทก์ยังไม่สามารถชำระหนี้ได้ สามีจำเลยก็ยังไม่เรียกร้องให้ชำระหนี้ บัดนี้โจทก์ขอชำระหนี้ จำเลยไม่ยอม จำเลยให้การว่า ที่โจทก์กู้เงินสามีจำเลยสัญญาจะใช้ให้ภายในวันที่ 5 เมษายน 2485 ในสัญญาว่าถ้าผู้กู้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ยอมยกนาให้เป็นกรรมสิทธิ์สามีจำเลยได้ครอบครองตั้งแต่โจทก์ผิดนัด จนสามีจำเลยตายถึงบัดนี้ได้6 ปีเศษ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่จำเลยนำสืบว่าสามีจำเลยซื้อนาจากโจทก์นั้นนอกประเด็น ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ยกที่นาให้สามีจำเลยพิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจทก์ได้ยกนารายนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่สามีจำเลยตามสัญญา จำเลยนำสืบตามประเด็น เป็นคำสามัญที่จำเลยว่าซื้อ เพราะมอบเงินให้โจทก์ ๆ มอบที่นาให้เป็นสิทธิแก่จำเลยพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญากำหนดชัดว่า โจทก์จะต้องชำระเงินให้สามีจำเลยในวันที่ 5 เดือนเมษายน 2485 ถ้าไม่ชำระตามกำหนดยอมยกนาให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่สามีจำเลยและฟังข้อเท็จจริงตามข้อต่อสู้จำเลย ปรากฏว่านารายพิพาทไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเมื่อโจทก์เจตนาสละการครอบครองยกนารายพิพาทให้แก่จำเลยแทนการชำระหนี้แล้ว โจทก์จะเรียกเอานาคืนหาได้ไม่
พิพากษายืน