คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 753/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยถูกอัยการฟ้องหาว่า ต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันบนถนนหลวง ศาลฟังว่าเป็นการทำร้ายฝ่ายเดียว ได้ชื่อว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้อง ดังนี้ โจทก์จะมาฟ้องจำเลยในการกระทำคราวนั้นอีกว่าจำเลยทำร้ายโจทก์ฝ่ายเดียวถึงบาดเจ็บไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 35(4) (อ้างฎีกาที่ 2019/2492 ประชุมใหญ่)

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์จำเลยถูกอัยการฟ้องหาว่า ต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันบนถนนหลวง คดีนั้นศาลฟังว่าเป็นการทำร้ายร่างกายฝ่ายเดียว (คือฟังว่าจำเลยทำร้ายโจทก์ ในคดีนี้ฝ่ายเดียว) ได้ชื่อว่าทางพิจารณาต่างกับฟ้อง จึงให้ยกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ โจทก์จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้ ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔,๒๕๖
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า เป็นฟ้องซ้ำ สั่งไม่รับฟ้อง ให้ศาลชั้นต้นรับฟ้องไว้พิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกาว่า เป็นฟ้องซ้ำ
ศาลฎีกาเห็นว่า วิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๓๙(๔) ที่ว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องนั้น คำว่า “ในความผิด”นี้ไม่ได้หมายถึงในฐานความผิด แต่หมายถึงการกระทำที่ก่อให้เกิดความผิดนั้น ๆ ดังที่ศาลฎีกาได้เคยวินิจฉัยมาแล้ว ตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๐๑๙/๙๒ สำหรับคดีนี้ การกระทำของจำเลย คือการกระทำร้ายโจทก์ถึงบาดเจ็บนั้น ได้มีการฟ้องจนมีคำพิพากษาไปแล้ว โจทก์จะมาฟ้องคดีนี้อีกไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา ๓(๔)
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share