คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่มาไม่มีหนังสือสำคัญซึ่งเจ้าของผู้กู้ให้ยึดเป็นประกันต่างดอกเบี้ย สัญญาจะใช้เงินใน 3 ปี ถ้าพ้นกำหนดไม่ใช้เงินยอมให้ที่นาเป็นสิทธิแก่เจ้าของเงินนั้น เมื่อพ้น 3 ปีผู้กู้ไม่ใช้เงิน ถือว่า ผู้กู้สละเจตนาครอบคอรง แม้ข้อตกลงแต่แรกจะทำไม่ถูกต้องตามแบบก็ดี
ที่นามือเปล่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง มิใช่มีกรรมสิทธิ
การที่ถูกแย่งการครอบครองครั้งก่อน ๆ ซึ่งถึงแม้จะเกิน 1 ปีแต่เมื่อปรากฏว่า ผู้ถูกแย่งการครอบครองได้ร้องต่ออำเภอจนได้ผลข้าวในนาที่ถูกแย่งการครอบครองนันแล้ว ต่อมาถูกแย่งการครอบครองครั้งหลักยังไม่เกิน 1 ปีและผู้ถูกแย่งมาฟ้อง ดังนี้ ถือว่ายังไม่หมดสิทธิฟ้องร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๘ ปีมานี้จำเลยได้ทำหนังสือยืมเงินโจทก์ เอาที่นามือเปล่ามาประกันให้ทำต่างดอกเบี้ย สัญญามีกำหนด ๓ ปีถ้าพ้นกำหนดไม่นำเงินมาใช้ย่อมให้ที่นาเป็นสิทธิแก่โจทก์ ครั้นถึงกำหนดจำเลยไม่ใช้ โจทก์ได้ครอบครองที่นามา ๘ ปีแล้ว เมื่อ ๑ ปีมานี้จำเลยบุกรุกเข้าไปทำนารายนี้ครึ่งหนึ่ง ทำให้โจทก์เสียหาย จำเลยให้การต่อสู้หลายประการและตัดฟ้องว่า คดีขาดอายุความเพราะไม่ฟ้องใน ๑ ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ทำสัญญาให้โจทก์ดังฟ้องจริง แต่สัญญาไม่สมบูรณ์เพราะมีพยานรับรองลายมือไม่เพียงพอ แต่โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิครอบครองซึ่งตกลงปากเปล่าก็ใช้ได้ จำเลยยอมให้นาหลุดเป็นสิทธิแก่โจทก์ ๆ ครอบครองมาหลายปี ได้สิทธิครอบครอง พิพากษาห้ามจำเลยกับบริวารเกี่ยวข้อง ค่าเสียหายโจทก์ไม่ควรได้ เพราะโจทก์ได้ข้าวในนาที่จำเลยแย่งทำแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีความเห็นแย้งว่า ที่รายนี้แม้ไม่มีหนังสือสำคัญแต่ได้ทำประโยชน์แล้ว โจทก์ครอบครองไม่ถึง ๑๐ ปียังไม่ได้กรรมสิทธิตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๘๒ และควรฟังว่า จำเลยแย่งการครอบครองมากกว่า ๑ ปี โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา ๑๓๗๕ วรรคท้าย ควรยกฟ้อง
จำเลยโดยนางมูเนาะผู้รับมรดกความฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังฟ้องโจกท์และเห็นว่า เมื่อพ้น ๓ ปี ตามที่ตกลงกันนั้น จำเลยไม่ใยดีที่นารายนี้ เป็นการสละเจตนาครอบครอง แม้ข้อตกลงในเบื้องต้นทำนองขายฝากจะใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยเจตนาสละการครอบครอง การครอบครองจำเลยก็ย่อมสิ้นสุด ที่มือเปล่านั้นศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นแบบอย่างไว้มากแล้วว่า เจ้าของมีเพียงสิทธิครอบครอง ส่วนข้อที่ว่า โจทก์ฟ้องเกิน ๑ ปีนั้น ปรากฏว่า เมื่อจำเลยเข้าแย่งทำปีแรก โจทก์ก็ไปร้องต่ออำเภอจำเลยยอมยกข้าวในนาให้โจทก์ ๆ จึงไม่ฟ้อง ปี่อมาจำเลยเข้าแย่งอีกโจทก์ก็มาฟ้อง ข้อโต้แย้งของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share