แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยที่ 2ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวนและนอกคำพยานหลักฐาน เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 ใครเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ระหว่างบริษัทนพดารากับองค์การเหมืองแร่ในทะเลและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 97)
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 จำคุก 3 ปี ฯลฯ
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 87)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มิได้ฟังข้อเท็จจริงนอกสำนวนหรือนอกคำพยานหลักฐานแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 3 และเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ตั้งรูปมาเพื่อให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง