แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ผู้ตายหยอดเหรียญที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลย ทั้งสองกับว.และอ.พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออกผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดยว.ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้งจำเลยที่ 1 กับอ.ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตายผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตาย หนีออกจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และอ.ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันใช้มีดและขวดแทงและตีทำร้ายนายชาญชัย เป็นเหตุให้นายชาญชัยถึงแก่ความตายเมื่อนายเสน่ห์เข้าห้ามปราม จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันใช้ขวดตีทำร้ายนายเสน่ห์เป็นเหตุให้นายเสน่ห์ได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 295, 83 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษา ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ 20 ปี และมีความผิดตาม มาตรา 295, 83จำคุกคนละ 1 ปี เป็นกระทงที่สอง เรียงกระทงลงโทษ เป็นจำคุกคนละ 21 ปี จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าคืนเกิดเหตุนายชาญชัยทองมาก และนายเสน่ห์ เสมอโภค ถูกทำร้ายจนนายชาญชัยถึงแก่ความตายส่วนนายเสน่ห์ ได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บมีปัญหาในชั้นนี้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ประจักษ์พยานโจทก์ คือนางพิมพ์ บุษบา เบิกความว่าผู้ตายกับนายเสน่ห์กลับมาเอากุญแจที่ลืมไว้ที่ร้านพยานเมื่อได้กุญแจแล้ว ผู้ตายอยากฟังเพลงรู้ว่าเขาหลอก แต่ที่ร้านพยานไม่มีแผ่นเสียงเพลงดังกล่าว ผู้ตายจึงนำเหรียญไปหยอดที่ตู้เพลงร้านสำราญโภชนา แต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลยทั้งสองกับพวกถอดปลั๊กออก ผู้ตายขอเงินคืนจึงเกิดเหตุคดีนี้โดยจำเลยที่ 1 ปาแก้วสุรามาที่ผู้ตายเนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟสว่างสามารถเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน พยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสอง นายวิโรจน์และนายอ๊อดได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายหลายครั้ง จำเลยที่ 1 กับนายอ๊อดใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตาย โดยเริ่มทำร้ายกันครั้งแรกในร้านสำราญโภชนา ผู้เสียหายนอนสลบอยู่ในร้านดังกล่าวส่วนผู้ตายหนีออกมานอกร้าน จำเลยทั้งสองกับนายอ๊อดไล่ตามผู้ตายและตะโกนว่า ฆ่ามันให้ตาย พยานได้ร้องห้าม แต่จำเลยทั้งสองกับพวกได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 1 เส้นหลังจากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกยังร่วมกันกลับเข้าไปในร้านสำราญโภชนาเข้าไปทำร้ายนายเสน่ห์เพื่อนผู้ตายอีก พยานจึงต้องรีบไปแจ้งตำรวจ พยานปากนี้เป็นพยานคนกลางคำเบิกความจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ นายเสน่ห์เบิกความว่าชายทั้งสี่ในร้านที่ผู้ตายเข้าไปหยอดเหรียญฟังเพลงนั้นได้รุมทำร้ายผู้ตาย เมื่อนายเสน่ห์เข้าไปช่วยเหลือก็ถูกชายทั้งสี่ทำร้าย ทั้งจำเลยที่ 2ก็ยอมรับในชั้นจับกุมว่าได้ร่วมกับพวกชกต่อยผู้ตายจริง พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวแล้วฟังได้ว่าได้ร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้นเมื่อผู้ตายถูกทำร้ายแล้วหนีออกไปนอกร้านเกิดเหตุจำเลยที่ 2 กับพวกยังตามไปทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วยังกลับมาทำร้ายนายเสน่ห์ซึ่งนอนสลบอยู่ในร้านเกิดเหตุอีกเช่นนี้รูปคดีฟังได้ชัดว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องจริง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 2ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน