แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินพิพาทเดิมเป็นคลองซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต่อมาสุขาภิบาลได้ถมคลองแล้วจัดให้ประชาชนวางแผงลอย โจทก์เป็นผู้ทำสัญญาวางแผนลอยบนที่ดินพิพาทกับสุขาภิบาล แล้วจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทจากโจทก์เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงจำเลยไม่ยอมออกจากที่ดินพิพาท โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินสุขาภิบาลกะทู้ แผงลอยที่ 17 ถนนราษฎร์อุทิศ (บางลา) หมู่ที่ 4ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จำเลยได้เช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์เพื่อปลูกสร้างอาคารร้านค้ามีกำหนดเวลา 5 ปีมีข้อสัญญาว่าเมื่อครบกำหนดแล้วสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดต้องตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาเช่าจำเลยยังคงใช้ประโยชน์ในที่ดินตลอดมา และไม่ชำระค่าเช่าให้โจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย และให้จำเลยกับบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปพร้อมส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยขนย้ายบริวารและทรัพย์สินภายในสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินแผงลอยที่ 17 และส่งมอบให้โจทก์ในสภาพที่ดี ห้ามจำเลยและบริวารเข้ามาเกี่ยวข้องกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีกให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 20,000 บาท และอีกเดือนละ 5,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณะที่สุขาภิบาลป่าตอง(ที่ถูกเป็นสุขาภิบาลกะทู้) นำมาจัดระเบียบเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวมาก่อน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยเป็นผู้เข้าครอบครองและปลูกสร้างร้านค้าด้วยสิทธิของจำเลยในที่ดินพิพาทมาตลอด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยขนย้ายบริวารและทรัพย์สินออกจากสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินแผงลอยที่ 17 และส่งมอบที่ดินแผงลอยที่ 17 พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินให้โจทก์ ห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้องในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวอีกให้จำเลยชำระเงิน 6,000 บาท แก่โจทก์ และอีกเดือนละ 1,500 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่นั้น เห็นว่า โจทก์เป็นผู้ทำสัญญาวางแผงลอยที่ 17 บนที่ดินพิพาทกับสุขาภิบาลกะทู้แล้วโจทก์นำที่ดินพิพาทให้จำเลยเช่าเพื่อสร้างอาคารแบบร้านค้ามีกำหนดเวลา 5 ปี แม้ที่ดินพิพาทเดิมเป็นคลองบางลาซึ่งประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตามแต่ต่อมาสุขาภิบาลกะทู้ได้ถมคลองดังกล่าวแล้วจัดให้ประชาชนวางแผงลอยโดยโจทก์มีสิทธิประโยชน์ในที่ดินพิพาทและจำเลยได้เช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น