คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินจำนวน 4 แปลงของจำเลยออกขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ประมูลซื้อที่ดินได้ 1 แปลง ส.ประมูลซื้อที่ดินได้ 3 แปลง จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องว่า นัดไต่สวนสำเนาให้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาด จะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน ให้ผู้ร้องนำส่งใน 7 วัน ส.ผู้ซื้อทรัพย์ได้ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวแล้ว ไม่ได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยก่อนหรือในวันนัดไต่สวน ทั้งในวันนัดไต่สวนครั้งแรก ส.ผู้ซื้อทรัพย์ก็มาศาลและอยู่ฟังการพิจารณาโดยตลอดก็มิได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลย ดังนี้ ถือว่า ส.ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้าน ส.ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยฎีกาของ ส.ผู้ซื้อทรัพย์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดิน ๔ แปลง ของจำเลยที่ ๑ มาขายทอดตลาด โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อได้ ๑ แปลง ส่วนที่ดินที่เหลืออีก ๓ แปลง นางสุภาณีเป็นผู้ประมูลซื้อได้ จำเลยที่ ๑ยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แจ้งวันนัดขายทอดตลาดที่ดินให้จำเลยที่ ๑ ทราบ และการขายทอดตลาดเป็นไปโดยมิชอบและฝ่าฝืนกฎหมาย โดยโจทก์กับพวกสมรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดยไม่สุจริต และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินทั้ง ๔ แปลงในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ขอให้มีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง ๔ แปลงดังกล่าว แล้วขายทอดตลาดใหม่
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยที่ ๑ ทราบวันนัดขายทอดตลาดทรัพย์แล้ว ขอให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทราบวันนัดขายทอดตลาดแล้วและฟังไม่ได้ว่าราคาทรัพย์ที่ขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาที่เป็นจริง และโจทก์ซื้อทรัพย์ไว้โดยไม่สุจริต มีคำสั่งให้ยกคำร้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดทั้ง ๔ แปลงของจำเลยที่ ๑ แล้วให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
นางสาวสุภาณีผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า นางสาวสุภาณีผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดมีสิทธิฎีกาหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่า เมื่อจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๓๑ อ้างว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดยไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้ที่หน้าแรกของคำร้องดังกล่าวว่า”นัดไต่สวน สำเนาให้โจทก์” เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดจะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้านให้ผู้ร้องนำส่งใน ๗ วัน”และศาลชั้นต้นได้นัดไต่สวนวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ซึ่งต่อมาพนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดแจ้งให้ผู้ซื้อทรัพย์ทราบว่า จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นคำคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดดังสำเนาคำร้องที่ส่งมาพร้อมหมายนี้ โดยส่งให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ปรากฏตามรายงานการเดินหมายเอกสารลำดับที่ ๕๔ ในสำนวน แม้จะปรากฏตามสำเนาหมายนัดเอกสารอันดับ ๔๑(แผ่นที่ ๒) ในสำนวนว่า ในหมายนัดดังกล่าวมิได้แจ้งคำสั่งศาลที่ว่าจะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือวันนัด มิฉะนั้นให้ถือว่าไม่คัดค้านให้ผู้ซื้อทรัพย์ทราบด้วยก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ก่อนวันนัดไต่สวน ผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตถ่ายคำร้องที่จำเลยที่ ๑ ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดดังกล่าวพร้อมคำสั่งศาลด้วย ซึ่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถ่าย และผู้ซื้อทรัพย์ได้รับภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวไปแล้วในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๓๑ นั้นเองซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อทรัพย์ได้ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวข้างต้นแล้ว แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยกที่ ๑ ก่อนหรือในวันนัดไต่สวนแต่อย่างใด ในวันนัดไต่สวนครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ผู้ซื้อทรัพย์ก็มาศาลและอยู่ฟังการพิจารณาโดยตลอดก็มิได้แถลงคัดค้านคำร้องของจำเลยที่ ๑ ดังนั้นจึงต้องถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรกผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคีดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ ๑ เท่านั้น ฉะนั้นศาลฎีกาจึงไม่อาจรับวินิจฉัยฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ได้
พิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์.

Share