แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอหย่าและแบ่งสินสมรส จำเลยตัดฟ้องว่าได้ทำหนังสือหย่าขาดและแบ่งทรัพย์กันเสร็จสิ้นไปแล้ว ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลว่าได้หย่าขาดกันแล้ว ขอให้ศาลพิจารณาว่า โจทก์มีสินเดิมหรือไม่ มีสินสมรสจะต้องแบ่งกันเท่าไรดังนี้ ศาลจะชี้ขาดว่าโจทก์จำเลยได้แบ่งทรัพย์กันไปตามหนังสือหย่าแล้วไม่ได้โดยถือได้ว่าจำเลยสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมายและมีบุตรด้วยกัน โจทก์มีสินเดิมภายหลังมีสินสมรสเกิดขึ้นตามบัญชีท้ายฟ้อง ต่อมาจำเลยพาลหาเหตุทะเลาะวิวาทและไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน และให้จำเลยแบ่งสินสมรสให้โจทก์หรือถ้าศาลเห็นยังไม่ควรหย่างก็ให้จำเลยจ่ายค่าเลี้ยงดูให้โจทก์กับบุตร
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยรักใคร่ได้เสียกันเองโจทก์ไม่มีสินเดิม และตัดฟ้องว่าโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือหย่าขาดจากกันและแบ่งทรัพย์สินกันเสร็จสิ้นไปแล้ว
ระหว่างพิจารณาโจทก์จำเลยแถลงรับต่อศาลวา โจทก์จำเลยได้ยอมหย่าขาดจากกันแล้ว ไม่ต้องให้ศาลพิจารณาประเด็นข้อนี้ ศาลชั้นต้นจึงพิจารณาแต่ประเด็นเรื่องทรัพย์และบุตรต่อไป ในที่สุดชี้ขาดว่าโจทก์มีสินเดิมมาอยู่กินกับจำเลยและมีสินสมรสเกิดขึ้น แต่ตามคำพะยานฟังไม่ได้ว่าได้มีการหย่างและแบ่งทรัพย์กันแล้วดังคำจำเลย จึงให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน เอาทรัพย์บางส่วนขายทอดตลาดแบ่งเป็น ๓ ส่วนให้โจทก์ได้ ๑ ส่วน จำเลยได้ ๒ ส่วน
โจทก์จำเลยต่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าในข้อหย่าไม่มีประเด็นเพราะประเด็นข้อนี้คู่ความรับกันแล้วตามรายงานพิจารณาของศาล คงเหบืออยู่แต่ข้อแบ่งทรัพย์ ซึ่งศาลอุทธรณ์เชื่อข้อเท็จจริงว่าได้มีการแบ่งทรัพย์กันเสร็จสิ้นไปในหนังสือหย่านั้น โจทก์ไม่มีเหตุมาฟ้องขอแบ่งทรัพย์อีก พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อแบ่งทรัพย์นี้เสีย
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำให้การจำเลยว่าโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือหย่าขาดแบ่งทรัพย์กันเสร็จไปแล้วแต่ชั้นพิจารณา โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลพิจารณาประเด็นข้อเดียวว่า โจทก์มีสินเดิมมาอยู่กันกับจำเลยหรือไม่มีสินสมรสที่จะต้องแบ่งกันหรือไม่ ดังนี้แสดงว่าจำเลยได้สละข้อต่อสู้ที่ว่าได้แบ่งทรัพย์กันเสร็จแล้วตามหนังสือออย่าของจำเลย ศาลอุทธรณ์ถือเอาข้อต่อสู้ที่จำเลยสละแล้วมาปรับให้โจทก์+คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา+ใหม่