คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควร จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งการใช้ดุลพินิจดังกล่าว จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางสายหยุด หนันทุม และนายพาส หนันทุม เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน2505 จำเลยได้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 4777 ตำบลสามเสนในฝั่งเหนือซึ่งเป็นทรัพย์สินมรดกของนางสายหยุดและนายพาสบางส่วน จากนางสายหยุดเพื่อปลูกบ้านเลขที่ 633 อยู่อาศัย โดยเสียค่าเช่าให้แก่นางสายหยุดเดือนละ 40 บาท สัญญาเช่ามีกำหนด 1 ปี สัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว ขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 633 และขนย้ายทรัพย์สินและบริวารของจำเลยออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4777 ถ้าจำเลยไม่ยอมรื้อถอนให้โจทก์ทำการรื้อถอนได้เอง โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 2,500 บาทแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนออกไปเสร็จ จำเลยให้การว่า จำเลยเคยทำสัญญาเช่าที่ดินตามฟ้องจากนางสายหยุดจริงสัญญาเช่าฉบับดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2511จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่ดินดังกล่าวจากนางสายหยุดใหม่ โดยเสียค่าเช่าเดือนละ 64 บาท สัญญาเช่าไม่มีกำหนดอายุการเช่า จำเลยไม่เคยผิดสัญญาโจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกการเช่า ขอให้ยกฟ้องก่อนชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องอ้างว่า จากคำให้การต่อสู้คดีของจำเลยปรากฏว่ายังมีหนังสือสัญญาเช่าที่ดินฉบับใหม่ขึ้นอีกนอกเหนือจากที่โจทก์ตรวจพบก่อนยื่นฟ้อง ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเกี่ยวกับคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ จำเลยคัดค้านว่า โจทก์ขอถอนฟ้องโดยอาศัยข้อต่อสู้ของจำเลยมาเป็นเหตุถอนฟ้อง ถ้าโจทก์ฟ้องคดีเข้ามาใหม่โดยอาศัยเหตุที่จำเลยต่อสู้คดีไว้ในคดีเดิมจะทำให้จำเลยเสียเปรียบ ขอให้ยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์แล้วดำเนินคดีไป ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า โจทก์ถอนฟ้องเมื่อทราบข้อเท็จจริงใหม่ว่า จำเลยมีสัญญาเช่าฉบับลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2511 อีกฉบับหนึ่งมิใช่สัญญาเช่าฉบับลงวันที่ 3 มิถุนายน 2505 ที่โจทก์อ้างเป็นเหตุในการฟ้องขับไล่จำเลยในคดีนี้ เพื่อที่โจทก์จะอ้างสิทธิตามสัญญาเช่าฉบับหลังมาฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่อันเป็นผลเสียหายทางคดีกับจำเลย ศาลชั้นต้นไม่ควรให้โจทก์ถอนฟ้องนั้น เห็นว่า การอนุญาตให้ถอนฟ้องหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลตามที่จะสั่งได้ตามที่เห็นสมควร จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งการใช้ดุลพินิจของศาลชั้นต้นจึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัย แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิยกปัญหาดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษาให้ยกฎีกาของจำเลย

Share