คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1622/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 หน้าที่นำสืบพิสูจน์ย่อมตกอยู่แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าตนมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ ฯลฯให้จำคุกและปรับจำเลยและริบของกลาง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าของกลางที่สั่งริบนอกจากไม้ยาง 1 ท่อน คือรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนอ.ย.00226 รถพ่วง แม่แรง รอก ขวานและมีด เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ได้สั่งหรือใช้ หรือรู้เห็นเป็นใจให้จำเลยเอาไปใช้กระทำผิดขอให้สั่งคืนของกลางนอกจากไม้ยาง 1 ท่อน

ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นให้คืนของกลางนอกจากไม้ยาง 1 ท่อนแก่ผู้ร้องไป

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีรับฟังเป็นยุติได้ว่า รถยนต์และเครื่องมือของกลางถูกริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2503 มาตรา 74 ทวิ โดยคำพิพากษาของศาลซึ่งถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องจะขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์และเครื่องมือของกลางให้ผู้ร้องได้ก็ต่อเมื่อผู้ร้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าหน้าที่นำสืบพิสูจน์ย่อมตกอยู่แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นฝ่ายกล่าวอ้าง หาใช่โจทก์ไม่

ส่วนข้อเท็จจริง ศาลฎีกาฟังว่าผู้ร้องได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยด้วย

พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share