คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1313/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ผลิตยาเสพติดให้โทษ โดยการเพาะปลูกกัญชาและมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาที่ปลูกดังกล่าว โดยมิได้รับอนุญาต ต้นกัญชาของกลางเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำความผิดฐานปลูกกัญชาย่อมเป็นธรรมดาว่า เมื่อกัญชาที่จำเลยปลูกเจริญงอกขึ้นมาเป็นต้นกัญชาแล้ว ต้นกัญชาเหล่านั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองด้วย การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับกัญชาของกลางในคดีนี้มีเพียงกรรมเดียวเท่านั้นแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยผลิตยาเสพติดให้โทษโดยการเพาะปลูกกัญชารวม 11 ต้น หนัก 1 ก.ก. และมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษดังกล่าวโดยมิได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102, 103 ริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102, 103 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ข้อ 2 ให้ลงโทษข้อหาฐานมีกัญชาจำคุก 2 เดือน ข้อหาผลิตโดยปลูกกัญชา จำคุก 2 ปี รวมจำคุกจำเลย 2 ปี 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยฐานมีกัญชา 1 เดือน ฐานผลิตโดยปลูกกัญชา 1 ปี รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 26, 75, 76, 102, 103 ลงโทษจำเลยฐานผลิต โดยปลูกกัญชาตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 75 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยรับสารภาพฟังได้ว่า จำเลยได้ผลิตยาเสพติดให้โทษ โดยการเพาะปลูกกัญชาและมีไว้ในครอบครองซึ่งกัญชาที่ปลูกดังกล่าว โดยมิได้รับอนุญาตตามกฎหมายจริง ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ เห็นว่าต้นกัญชาของกลางเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำความผิดฐานปลูกกัญชา ย่อมเป็นธรรมดาว่าเมื่อกัญชาที่จำเลยปลูกเจริญงอกขึ้นมาเป็นต้นกัญชาแล้ว ต้นกัญชาเหล่านั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองด้วย ดังจะเห็นได้จากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยกัญชา 11 ต้น ซึ่งจำเลยเป็นผู้ผลิตและมีไว้ในครอบครองเป็นของกลาง ไม่ปรากฏว่านอกจากครอบครองไว้เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการผลิตโดยเพาะปลูกดังกล่าวแล้ว จำเลยได้มีกัญชาอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากที่ผลิตโดยการเพาะปลูกขึ้นอีกเลย คงครอบครองอยู่ในฐานะเป็นผลที่เกิดจากการผลิตโดยการเพาะปลูกเท่านั้นเอง ดังนั้น การกระทำของจำเลยเกี่ยวกับกัญชาของกลางในคดีนี้มีเพียงกรรมเดียวเท่านั้น ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2424/2522 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสกลนคร โจทก์ นายเทวา แก้วอ่อนขวา กับพวก จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวแต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษจำเลยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share