แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้เช่านาพิพาทของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1กู้เงินจำเลยที่ 2แล้วโอนขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยมีเจตนาที่จะให้ที่นาพิพาทเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน เมื่อจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ให้จำเลยที่ 2แล้ว จำเลยที่ 2 ก็ขายนาคืนให้จำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 เพียงเพื่อให้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้เงินกู้นั้น กรณีไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เช่านาเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 26กันยายน 2520 จำเลยที่ 1 ขายนาแปลงที่โจทก์เช่าให้จำเลยที่ 2 ในราคา15,000 บาท โดยมิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517มาตรา 41 กล่าวคือมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงราคาที่จะขายและวิธีการชำระเงินทั้งมิได้แจ้งหรือส่งสำเนาสัญญาให้คณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำอำเภอทราบ ถ้าจำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์ทราบโจทก์พร้อมที่จะซื้อ โจทก์ทราบถึงการซื้อขายดังกล่าวจึงได้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอท้องที่ฐานะประธานกรรมการควบคุมการเช่านายอำเภอได้นัดให้จำเลยทั้งสองไปพบ ปรากฏว่าหลังจากได้รับหนังสือนัดของนายอำเภอแล้ว จำเลยที่ 2 ได้จดทะเบียนโอนขายนาแปลงพิพาทให้จำเลยที่ 1 ในราคา 15,000 บาท โดยมิได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาอีกเช่นเดียวกัน แล้วจำเลยทั้งสองไปพบนายอำเภอและจำเลยที่ 1ได้แจ้งความประสงค์จะขายนาให้โจทก์ในราคา 50,000 บาท โจทก์จึงไม่รับซื้อนายอำเภอเปรียบเทียบไม่ตกลงกัน โจทก์มีสิทธิซื้อนาจากจำเลยที่ 1 ในราคา15,000 บาท แต่จำเลยที่ 1 ไม่ยอมขายจึงขอให้จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้โจทก์ในราคา 15,000 บาท ถ้าไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาโอนขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2การโอนดังกล่าวทำขึ้นเพื่อเป็นประกันการกู้ยืมเงินเท่านั้น โดยจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินจำเลยที่ 2 ไป 15,000 บาท ตกลงโอนนาให้จำเลยที่ 2 ยึดไว้เป็นประกัน เมื่อจำเลยที่ 1ชำระเงินกู้ให้จำเลยที่ 2 แล้ว จำเลยที่ 2 จึงโอนนาพิพาทคืนให้จำเลยที่ 1 ตามข้อตกลงนาพิพาทหากมีการซื้อขายกันจริงจะต้องขายในราคา 50,000 บาท ตามราคาที่ซื้อขายตามปกติ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาขายนาพิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่านาทราบก่อนเป็นการไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา จำเลยที่ 1 จึงต้องขายนาให้โจทก์ตามวิธีการและราคาที่ขายให้แก่จำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในนาพิพาทและโจทก์มิได้ขอบังคับจำเลยที่ 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ขายนาพิพาทให้โจทก์ในราคา 15,000 บา หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ยกฟ้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การซื้อขายนาพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2เป็นเพียงเพื่อให้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้เงินกู้คืน มิใช่จำเลยที่ 1ขายนาพิพาท หรือจำเลยที่ 2 ซื้อแล้วขายนาพิพาทกลับคืนให้จำเลยที่ 1ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ. 2517 โจทก์ไม่มีสิทธิจะบังคับให้จำเลยที่ 1 โอนขายนาพิพาทให้แก่โจทก์ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วฟังว่า การที่จำเลยที่ 1 ขายนาให้จำเลยที่ 2ก็เพียงเพื่อให้ที่ดินเป็นหลักประกันการชำระหนี้เงินกู้ กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 41แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยที่ 1ขายนาพิพาทให้แก่โจทก์
พิพากษายืน