คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1775/2523

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยตกลงหย่าขาดจากกัน โดยมีสัญญาข้อหนึ่งว่าให้บุตร 5 คน อยู่ในความอุปการะของโจทก์ซึ่งเป็นภริยาเมื่อไม่ได้ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นสามีเป็นผู้จ่ายเงินค่าเลี้ยงดูและการศึกษาบุตรจึงถือได้ว่าโจทก์ยอมรับเอาบุตร 5 คน ไว้ในความปกครองและอุปการะ รวมถึงการเลี้ยงดูและการศึกษาด้วยประเด็นแห่งคดีนี้มีว่า จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาดังโจทก์อ้างหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาดังโจทก์กล่าวอ้างจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดจะนำ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1536(เดิม) อันเป็นคนละประเด็นมาใช้ปรับแก่คดีนี้ให้จำเลยรับผิดในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตร 5 คน หาได้ไม่

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรทั้งห้าเดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าบุตรทุก ๆ คนจะจบการศึกษา ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ 3 คน แต่ละคนเดือนละ 600 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตร ปรากฏความที่ระบุไว้ตามสัญญาหย่าข้อ 1 ว่า “คู่หย่าได้อยู่กินกันมาเป็นเวลาประมาณ 20 ปี มีบุตรด้วยกัน 5 คน คู่หย่าต่างตกลงให้อยู่ในความอุปการะของคู่หย่าฝ่ายหญิง การไปมาหาสู่เยี่ยมเยียนบุตร คู่หย่าฝ่ายชายย่อมมีสิทธิ” ดังนั้นย่อมเป็นที่เห็นได้ชัดว่า ก่อนโจทก์จำเลยจะไปทำการหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันนั้น เชื่อได้ว่า คู่กรณีได้ตกลงกันในเรื่องของบุตรทั้งห้าคนว่าจะให้อยู่ในความปกครองและการอุปการะเลี้ยงดูของฝ่ายใด ซึ่งโจทก์จำเลยในฐานะบิดามารดาย่อมจะเล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้ถึงกับระบุเป็นข้อตกลงให้โจทก์ซึ่งเป็นคู่หย่าฝ่ายหญิงรับเป็นผู้อุปการะ และอยู่ในอำนาจปกครอง ดังที่ระบุไว้ตามสัญญาหย่าเอกสารหมาย จ.24 ข้อ 1 แม้ข้อตกลงตามสัญญาดังกล่าว จะไม่ได้ระบุ ถึงเรื่องเงินค่าเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรไว้ก็ตาม แต่เห็นว่า ในเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่ง น่าจะได้มีการพูดหรือทำความเข้าใจให้เป็นการเสร็จเด็ดขาดเสียในคราวเดียวกัน การที่โจทก์ตกลงยอมรับเป็นผู้อุปการะบุตรทั้งห้าคนไว้ในความดูแลของตนดังกล่าวโจทก์ย่อมทราบดีถึงภาระที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรตามข้อตกลง หากโจทก์ประสงค์ที่จะให้จำเลยช่วยแบ่งเบาภาระในการเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรก็น่าจะได้ระบุเป็นข้อตกลงอย่างหนึ่งอย่างใดไว้ เมื่อพิจารณาถึงส่วนแบ่งทรัพย์สินที่โจทก์ได้รับ นอกจากได้ที่ดินถึง 10 แปลงแล้ว ยังได้ห้องแถวและกิจการค้าน้ำมัน เทียบกับส่วนของจำเลยแล้ว โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมากกว่าจำเลยมากมาย หลักฐานฐานะความเป็นอยู่แทบจะเทียบกันไม่ได้ อันเป็นเหตุผลที่โจทก์ยอมรับเอาบุตรทั้งห้าคนไว้ในความปกครองและการอุปการะ ซึ่งรวมถึงให้การเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรด้วย สมดังข้อต่อสู้ของจำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองเชื่อว่าจำเลยได้ตกลงที่จะให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ทั้งไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยต้องรับผิด โดยยกเอาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1536 มาใช้ปรับแก่คดี อันเป็นคนละประเด็นแห่งข้อวินิจฉัยของคดีนี้ซึ่งมีว่า จำเลยปฏิบัติผิดสัญญาดังโจทก์อ้างตามฟ้องหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญาดังโจทก์กล่าวอ้าง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในข้อนี้ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดในเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาของบุตรทั้งห้าคน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ”

Share