คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยพาพวกหลายคนไปรับบุตรสาวผู้เสียหายซึ่งเป็นคู่รักของจำเลย ระหว่างพาหนีผู้เสียหายตามไปขัดขวาง พวกของจำเลยใช้ปืนยิงเอาได้รับบาดเจ็บ จำเลยมิได้รู้เห็นในการกระทำของพวกของจำเลย จะถือว่าจำเลยมีเจตนาสมคบกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายยังไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 3 คนร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายนายแดง จันทร์สุข หลายนัด เพราะเหตุนายแดง จันทร์สุขผู้เสียหายเข้าขัดขวางป้องกันจำเลยกับพวกมิให้ฉุดคร่าพานางสาวแคล้วจันทร์สุข บุตรนายแดงผู้เสียหายไป แต่กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญของนายแดง ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยกับพวก ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83

ศาลชั้นต้นฟังว่า วันเกิดเหตุ จำเลยพาพวกมีอาวุธปืนไปรับนางสาวแคล้วแต่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบิดานางสาวแคล้วขัดขวาง พวกของจำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปถูกนายแดงฯ จำเลยจึงต้องรับผิดด้วยพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83, 80

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมิได้รู้เห็นในการยิงของพวกของจำเลยที่ใช้ปืนยิงผู้เสียหาย จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นตัวการฐานสมคบกับพวกใช้ปืนยิงผู้เสียหาย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า วันเกิดเหตุ นางสาวแคล้วบุตรผู้เสียหายได้นัดจำเลยซึ่งเป็นคนรักให้ไปรับตัว จำเลยจึงพาพวกไปที่นาซึ่งขณะนั้นนางสาวแคล้วกำลังดำนาอยู่ใกล้ ๆ ที่ผู้เสียหายเลี้ยงกระบือนางสาวแคล้วไปกับจำเลย ผู้เสียหายเห็นจึงติดตามไปขัดขวางเกิดชกต่อยกับจำเลย พวกของจำเลยได้ใช้ปืนยิง 3 นัด ถูกผู้เสียหายและนางสาวแคล้ว เห็นได้ว่าจำเลยไม่ได้รู้เห็นในการที่พวกของจำเลยใช้ปืนยิงมานั้นเลย และการที่จำเลยพาพวกไปรับตัวนางสาวแคล้วคนรักที่นัดให้ไปรับโดยที่พวกของจำเลยบางคนมีอาวุธปืนไปด้วย จะถือว่าจำเลยมีเจตนาสมคบกับพวกนำอาวุธปืนไปเพื่อใช้ทำร้ายผู้อื่นยังไม่ได้ อาจเป็นการนำไปเพื่อป้องกันตัวเมื่อถึงคราวจำเป็นโดยชอบก็ได้ หากแต่เป็นการกระทำของพรรคพวกจำเลยโดยพลการจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานสมคบร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share