แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำอันจะเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343นั้นผู้กระทำจะต้องกระทำด้วยเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนโดยทั่วไปจะถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อยและผลเสียหายอันเกิดจากคำหลอกลวงของจำเลยมีมากหรือน้อยเป็นหลักหาได้ไม่และเมื่อโจทก์มิได้ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยได้หลอกลวงประชาชนโดยทั่วไปจึงเป็นฟ้องที่ไม่ครบองค์ความผิดตามมาตรา 343
เมื่อผู้ว่าจ้างแต่ละคนได้รับความเสียหาย โดยได้จ่ายเงินสดและเช็คให้จำเลยรับไปผู้ว่าจ้างแต่ละคนก็เป็นผู้เสียหาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันเวลาที่เทศบาลเมืองสวรรคโลกกำหนดให้ประชาชนผู้เช่าที่ดินเทศบาลในเขตเพลิงไหม้ปลูกตึกแถวให้เสร็จในกำหนด จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทสหวัฒนะชัยกับจำเลยนอกนั้นหลอกลวงนายบุญช่วยกับพวกรวม 21 คน ซึ่งเป็นประธานซึ่งจะต้องจัดการปลูกตึกแถวด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งว่าบริษัทดังกล่าวของจำเลยที่ 1 เป็นบริษัทมีชื่อเสียง เปิดรับเหมาก่อสร้างตึกด้วยราคาเงินสดและผ่อนเพื่อช่วยเหลือผู้มีทุนน้อย ราคาถูกกว่าบริษัทอื่น บริษัทมีหลักฐานมั่นคง มีทุน 2 ล้านบาท ฯลฯ นายบุญช่วยกับพวกหลงเชื่อตกลงทำสัญญาซึ่งเป็นเอกสารสิทธิกับบริษัท ความจริงบริษัทมิได้มีทุน 2 ล้าน มิได้มีเจตนาปลูกให้เสร็จในกำหนด จำเลยกับพวกประสงค์แต่เพียงจะได้ซึ่งทรัพย์สินจากนายบุญช่วยกับพวกเท่านั้นต่อมาจำเลยที่ 1 กับพวกหลอกลวงว่าจะเร่งจัดการก่อสร้างให้เร็วขึ้นขอให้จ่ายเงินและเช็คเป็นประกันนายบุญช่วยกับพวกหลงเชื่อจ่ายเงินและเช็คอันเป็นเอกสารสิทธิให้บริษัท โดยจำเลยที่ 1 รับไปขอให้ลงโทษตามมาตรา 341, 343
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 343 จำคุก 2 ปี ยกฟ้องสำหรับจำเลยนอกนั้น
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีเจตนาทุจริต ใช้อุบายและวางแผนฉ้อโกงในการก่อสร้างอาคาร แสดงข้อความเท็จหลอกลวงจนผู้เสียหายหลงเชื่อจำเลยได้ไปซึ่งทรัพย์โดยผู้เสียหายจ่ายเงินสดและเช็คให้จำเลย จึงเป็นผิดฐานฉ้อโกง และเห็นว่าทางพิจารณาปรากฏว่า บรรดาผู้เสียหายในคดีนี้มีถึง 21 คน และยังปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการรับเหมาก่อสร้างตึกแถวประมาณ 70-80 กว่าห้องถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นรับเฉพาะข้อกฎหมาย คือ 1 ผู้เสียหายหรือผู้ว่าจ้างให้สร้างตึกแถวมิใช่ผู้เสียหาย 2 มูลคดีเป็นเรื่องผิดสัญญาในอนาคตไม่ผิดอาญา
ศาลฎีกาเห็นว่า ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้ว ฎีกาข้อแรก เมื่อฟังว่าผู้ว่าจ้างแต่ละคนได้รับความเสียหายโดยได้จ่ายเงินสดและเช็คให้จำเลยรับไปแล้ว ผู้ว่าจ้างแต่ละคนก็เป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีอำนาจร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีได้
ข้อสอง เมื่อฟังว่าจำเลยได้มีเจตนาทุจริตใช้อุบายวางแผนเพื่อฉ้อโกง โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงจนผู้ว่าจ้างหรือผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินสดและเช็คให้จำเลยที่ 1 รับไป การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงครอบองค์ความผิดฐานฉ้อโกง มีความผิดดังฟ้องอนึ่ง ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำอันจะเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 นั้น ผู้กระทำต้องกระทำด้วยเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนโดยทั่วไป จะถือเอาจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงมากหรือน้อย และผลเสียหายอันเกิดจากคำหลอกลวงของจำเลยมีมากน้อยเป็นหลักในการพิจารณาว่า เป็นการกระทำที่มีเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนโดยทั่วไปหาได้ไม่ คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันหลอกลวงนายบุญช่วยกับพวกรวม 21 คน อันเป็นการหลอกลวงคนเป็นจำนวนมากเท่านั้น มิได้ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยหลอกลวงประชาชนโดยทั่วไปฉะนั้น ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ครบองค์ความผิดตามมาตรา 343 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 341 นอกนั้นยืน