แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยอมให้ขุดลำเหมืองใหม่ให้น้ำไหลเลาะผ่านที่ดินจำเลยไปทางเหนือ แทนที่จะไหลผ่านนาจำเลย เพื่อให้โจทก์และเจ้าของนาอื่นใช้ประโยชน์ร่วมกันในการใช้น้ำทำนาเมื่อที่ดินของจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่า ย่อมถือได้ว่าจำเลยสละการครอบครองที่ดินส่วนที่ขุดลำเหมืองใหม่นั้นแล้วสิทธิครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลง หากจำเลยถมดินปิดลำเหมือง ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ย่อมเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยถมลำเหมืองสาธารณะปิดกั้นทางเดินของน้ำ ทำให้โจทก์เสียหายไม่อาจทำนาได้ ขอให้บังคับจำเลยเปิดลำเหมืองและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยต่อสู้ว่า เหมืองตามฟ้องเป็นเหมืองส่วนบุคคล โจทก์ขุดร่องในนาของจำเลยโดยพลการ
ศาลชั้นต้นฟังว่าลำเหมืองพิพาทเป็นเหมืองสาธารณะ จำเลยปิดกั้นเป็นเหตุให้น้ำไม่ไหลไปตามเหมือง โจทก์ไม่มีน้ำทำนา เป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษาให้จำเลยเปิดลำเหมืองที่จำเลยถมปิดกั้นให้น้ำไหลได้ตามปกติ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจะเปิดลำเหมือง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าเสียหาย ให้จำเลยใช้น้อยลง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหมืองพิพาทขุดผ่านเนื้อนาของจำเลยหรือไม่นั้น ไม่ใช่ข้อสารสำคัญเพราะแม้จะเป็นที่นาของจำเลย แต่ที่นาจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยอมให้ขุดลำเหมืองใหม่ให้น้ำไหลเลาะที่ดินไปทางเหนือ แทนที่จะไหลผ่านนาจำเลยเพื่อให้โจทก์และเจ้าของนาอื่นใช้ประโยชน์ร่วมกัน แสดงว่าจำเลยสละการครอบครองที่ดินส่วนที่ขุดลำเหมืองใหม่นี้แล้วสิทธิครอบครองที่ดินส่วนนี้ของจำเลยย่อมสิ้นสุดลง จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะปิดกั้นเหมืองนี้ได้ การที่จำเลยถมดินปิดเหมือง ทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายให้โจทก์
ในประเด็นเรื่องค่าเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าศาลอุทธรณ์กำหนดให้เหมาะสมแล้ว
พิพากษายืน