แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ+ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาต่อศาลอุทธรณ์ก็ได้ เพราะอำนาจสั่งให้รับฎีกาหรือไม่นั้น+ศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 252
ศาลชั้นต้น+ไม่รับฎีกาฉบับแรกของผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ฎีกา+คำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 แต่ยอมทำฎีกาฉบับใหม่+ยื่นแทนในฎีกาชั้นนี้ผู้ร้องจะย้องอ้างว่าฎีกา+ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง+18 อีกไม่ได้ เพราะคำสั่งศาลแพ่งที่+ผู้+ไปแล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 227,228 เป็นเรื่องคำสั่งให้รับคำคู่ความของศาลชั้นต้น ในกรณีอื่นไม่ใช่กรณีไม่รับฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวโจทก์เพื่อทำการค้า และจำเลยได้ใช้สถานที่เช่าประกอบการค้าตลอดมา ภายหลังจากครบกำหนดเวลาเช่าตามสัญญาเช่าแล้ว โจทก์บอกเลิกการเช่าแก่จำเลย ให้จำเลยและบริวารออกจากตึกเช่า จำเลยไม่ยอมออก ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลบังคับจำเลยและบริวารออกจากตึกเช่าและใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
จำเลยให้การว่า ตึกเช่าเป็นของนายเฉ่งนางเจิม จำเลยเช่าจากจายเฉ่งนางเจิมมา ๓๐ ปีแล้ว โจทก์ไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย ค่าเสียหายก็มากเกินสมควร
ในวันนัดพิจารณา คู่ความตกลงกันว่า ให้ผู้ชำนาญพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้เช่าในสัญญาเช่าที่โจทก์อ้างว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยหรือไม่
ก่อนผู้ชำนาญจะรายงานผลการตรวจพิสูจน์ลายมือตามคำท้า โจทก์แถลงว่าจำเลยถึงแก่ความตายเสียแล้ว ขอให้ศาลจำหน่ายคดีในวันเดียวกับที่โจทก์แถลง นางจู แซ่ลี้ ร้องต่อศาลว่า ผู้ร้องเป็นภรรยาจำเลยอยู่กินในตึกพิพาทจนจำเลยตาย ขอรับมรดกความจำเลยต่อสู้คดีโจทก์ต่อไป
ศาลแพ่งสั่งนัดพร้อม โจทก์และผู้ร้องรับว่าจำเลยตาย โจทก์ไม่ต้องการดำเนินคดีต่อไป โจทก์ขอถอนฟ้อง ทนายจำเลยและทนายผู้ร้องคัดค้าน ศาลแพ่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง และที่ผู้ร้องขอรับมรดกความให้ระงับเสีย
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งว่า ศาลแพ่งสั่งเรื่องโจทก์ขอถอนฟ้องไปโดยพลการไม่ถามผู้+เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และศาลแพ่งไม่มีอำนาจที่จะระงับการขอรับมรดกความ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลแพ่งได้สอบถามทนายจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗๕ วรรค ๒(๑) ส่วนผู้ร้องนั้นเมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องแล้ว ศาลแพ่งก็ไม่จำเป็นจะต้องสั่งเรื่องขอรับมรดกความของผู้ร้อง พิพากษายืน
ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้+ผู้ร้องฟังเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๐๖ ต่อมาวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๐๖ ผู้ร้องฎีกา ศาล+วันเดียวกันว่า ฎีกามีสกปรกหลายแห่ง และมีถ้อยคำพิมพ์ผิดยังไม่ได้แก้+ไม่ได้ความอีก+ ทั้งมีข้อความกระทบกระเทียบศาล ให้คืนไปทำมาใหม่ภายในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๐๖ ณ ที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๐๖ ทนายผู้ร้องทำฎีกามายื่นใหม่อ้างว่าเพิ่งทราบคำสั่งเมื่อวันนั้นเอง +ความต่างจังหวัด ศาลแพ่งสั่งว่าฎีกาใหม่นี้มิได้ยื่นภายในกำหนดเวลาที่ศาลกำหนดไว้ +ที่ยื่นก็พ้นกำหนดอายุความฎีกาแล้ว ไม่รับฎีกาของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งต่อศาลอุทธรณ์ +รับฎีกาส่งไปยังศาลฎีกา+ ศาลแพ่งสั่งว่า การยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาเช่นนี้ ต้องยื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๕๒ จึงไม่รับเป็นอุทธรณ์
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่งต่อศาลอุทธรณ์ +เป็นอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ +ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔ จะยื่นอุทธรณ์โดยวิธีธรรมดาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๒๗,๒๒๘ ไม่ได้ พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๓ มีใจความว่าในกรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่ยอมรับฎีกาเพราะเหตุใดก็ตาม หากคำสั่งนั้นไม่เป็นที่พอใจของผู้ฎีกาและประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ก็ต้องอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลฎีกาโดยตรง เพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกานั้นชอบหรือไม่ และอำนาจสั่งให้รับฎีกาหรือไม่นี้เป็นเรื่องเฉพาะของศาลฏีกา โดยไม่ต้องผ่านศาลอุทธรณ์เสียชั้นหนึ่งก่อน
คดีนี้ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา แทนที่จะอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๕๒ ผู้ร้องกลับอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ การปฏิบัติของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความตามบทกฎหมาย ที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นการอุทธรณ์ตามประมวลฯกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๘ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๗,๒๒๘ และ ๒๔๗ นั้นฟังไม่+ เพราะเมื่อศาลแพ่งสั่งตำหนิไม่รับฎีกาฉบับแรกของผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งนั้น กลับยอมปฏิบัติตามโดยทำฎีกาฉบับใหม่มายื่นแทนที่จะ+ตามสิทธิในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๗ ฉะนั้น ในชั้นฎีกานี้ผู้ร้องจึงจะย้อน+ว่าฎีกาตามสิทธิ+ไว้ในมาตรา ๑๘ อีกไม่ได้เพราะคำสั่งศาลแพ่งที่+อุทธรณ์ของผู้ร้องเป็นอันขาดตอนไปแล้ว ส่วนมาตรา ๒๒๗,๒๒๘ นั้นก็เป็นเรื่องคำสั่งไม่รับคู่ความของศาลชั้นต้นในกรณีอื่นไม่ใช่เรื่องไม่รับฎีกา ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาพิพากษายืน