แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า กรณีตามมาตรา 219 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเป็นเรื่องที่คู่ความอุทธรณ์เฉพาะที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกหรือปรับ และศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาเฉพาะโทษจำคุกหรือปรับ แต่คดีนี้จำเลยอุทธรณ์เฉพาะเรื่องที่ศาลชั้นต้นพิพากษาริบรถยนต์ของกลางส่วนโทษปรับ จำเลยมิได้อุทธรณ์ โทษในส่วนนี้จึงระงับไป และการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาดังกล่าวเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 218 อีกเช่นกัน ฎีกาของโจทก์จึงไม่ต้องห้ามตามนัยคำสั่งคำร้องที่ 802/2527 โปรดรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 29 ทวิ,71 ทวิ,74,74 ทวิ,74 จัตวา ฯลฯปรับคนละ 1,400 บาท จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับคนละ 700 บาท ริบของกลาง จ่ายสินบนนำจับกึ่งค่าปรับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คืนรถยนต์ของกลางแก่จำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 18)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 19)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยคนละ 700 บาทและให้ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะของกลางเป็นไม่ริบเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 โจทก์ฎีกาว่าให้ริบของกลาง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ยกคำร้อง