แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยตามสัญญาประกันภัย ซึ่งมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัย ตามบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. ลักษณะ 20หมวด 2 นั้น การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต้องถืออายุความ 2 ปีนับแต่วันเกิดวินาศภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 882 วรรคแรก.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2530 รถยนต์สาธารณะคันหมายเลขทะเบียน 1 ท – 1623 กรุงเทพมหานคร ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้และยังอยู่ในอายุสัญญาประกันภัยได้ถูกรถยนต์โดยสารขนาดเล็กคันหมายเลขทะเบียน 11-3701 กรุงเทพมหานคร าซึ่งจำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้ชนได้รับความเสียหาย โจทก์ต้องเสียค่าซ่อมรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้จึงรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัย ขอบังคับให้จำเลยใช้เงิน 61,262 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วเพราะโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2531 เกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน
วันนัดชี้สองสถาน ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและคำให้การจำเลยแล้วเห็นว่าคดีพอวินิจฉัย จึงมีคำสั่งให้งดชี้สองถานและงดสืบพยานโจทก์พยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า มูลหนี้ในคดีนี้เกิดจากการละเมิดซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จึงต้องใช้อายุความ 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรกนั้น ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห้ฯว่า ความรับผิดของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้องเป็นความรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยตามสัญญาประกันภัยซึ่งมีลักษณะเป็นการประกันวินาศภัยตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 20 หมวด 2 การฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนความเส่ยหายในกรณีนี้ต้องถืออายุความ 2 ปี นับแต่วันเกิดวินาศภัยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคแรกเมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในวันที่ 17 สิงหาคม 2531 ยังไม่เกิน2 ปี นับแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2530 อันเป็นวันเกิดวินาศภัย ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ สำหรับฎีกาของจำเลยอีกข้อหนึ่งที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการวินิจฉัยมาตามลำดับศาล…”
พิพากษายืน.