แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินที่จำเลยเช่า มีค่าเช่าเพียงปีละ 400 บาท และโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระถึงวันฟ้องรวมเป็นเงิน 966.57 บาท เท่านั้น โจทก์จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้ในชั้นฎีกา ตามคำฟ้องฎีกาและคำแก้ฎีกามีประเด็นแต่เฉพาะในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยค้างชำระค่าเช่าหรือไม่เท่านั้น เมื่ออุทธรณ์ข้อนี้เป็นข้อเท็จจริง ย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ในชั้นฎีกาก็ต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาจำเลยให้ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์ปลูกบ้านอยู่อาศัย ค่าเช่าปีละ 400 บาท สัญญาเช่าหมดอายุ จำเลยผิดสัญญา โดยผิดนัดค้างชำระค่าเช่าเกินกว่า 2 งวดติด ๆ กัน โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่และชำระค่าเช่าที่ค้าง 966.57 บาท ฯลฯ
จำเลยให้การว่าไม่เคยผิดนัด ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยมิได้ติดค้างชำระค่าเช่า พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยค้างชำระพิพากษากลับเป็นให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ดินที่จำเลยเช่ามีค่าเช่าเพียงปีละ 400 บาทและโจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระถึงวันฟ้องรวมเป็นเงินจำนวน966.57 บาท เท่านั้น ฉะนั้นโจทก์จะอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224และวินิจฉัยต่อไปว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแต่เพียงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการชำระค่าเช่า และฟังว่าจำเลยค้างชำระค่าเช่าโจทก์2 ปีเศษจริง จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นในชั้นฎีกาตามคำฟ้องฎีกาและคำแก้ฎีกามีประเด็นแต่เฉพาะในปัญหาข้อเท็จจริงว่า จำเลยค้างชำระค่าเช่าดังกล่าวหรือไม่เท่านั้น เมื่ออุทธรณ์ข้อนี้เป็นข้อเท็จจริงย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยให้ ในชั้นฎีกาก็ต้องถือว่าเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้มีการยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาจะวินิจฉัยฎีกาจำเลยให้ไม่ได้ ทั้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก็หามีผลบังคับแก่คดีไม่
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น